“ตายตอนจบ” ของทักษิณ – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“ทักษิณ” นี่
ไม่ต่าง “แมลงวันหัวเขียว” ตัวหนึ่ง
บินตกลงไปในถ้วยซุป “โสมพันปีตุ๋นรังนก” สำหรับถวายองค์ฮ่องเต้
เพราะ “แมลงวันหัวเขียว” ตัวเดียวแท้ๆ
ทำให้ต้อง “เททิ้ง” ทั้งถ้วย!

ฉันใด ก็ ฉันนั้น ขณะนี้ สถาบันศาล สถาบันรัฐสภา และสถาบันบริหาร คือรัฐบาล
หลักต้องยึดในการบริหาร, การปกครอง คือ “คุณธรรม, นิติธรรม, ความโปร่งใส” ที่เรียก “ธรรมาภิบาล”

แต่เพราะ “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร” คนเดียวแท้ๆ
ทำให้สถาบันทั้ง ๓ มีสภาพไม่ต่าง “ซุปฮ่องเต้”!

โดยเฉพาะ “รัฐสภา” กับ “รัฐบาล”
สมควรถูก “เททิ้ง” มากที่สุด!

ทักษิณ “นักโทษเด็ดขาด” จากคำพิพากษาศาล จำคุก ๘ ปี จากนั้น ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ
มี “พระบรมราชโองการ”

“พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก ๑ ปี”

แต่ประจักษ์ชัดทางพฤติกรรมว่า….
“รัฐบาลเศรษฐา” ปล่อยให้หน่วยราชการภายใต้กำกับดูแลของรัฐโดยเฉพาะ “กรมราชทัณฑ์” มีความน่าจะเป็นทางปฎิบัติว่า

สนอง “อำนาจเหนือ”!?

โดยปฎิบัติหน้าที่ “ไม่สุจริต-เที่ยงธรรม-เสมอภาค” เอื้ออำนวยให้นักโทษเด็ดขาดทักษิณไม่ต้องถูกคุมขังอยู่ในคุกแม้แต่คืนเดียว

อ้างป่วย ๔ โรค ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ในขณะที่นักโทษร่วม ๓ แสนคนในคุก มีป่วย ๔ โรค และมากกว่า ๔ โรค นับเป็นหมื่น-เป็นแสน

แต่ไม่มีใครได้รับการปฎิบัติ “มาตรฐานเดียว” กับนักโทษทักษิณ จากราชทัณฑ์เลย!

จึงบ่งชัดถึงเจตนาในรายนักโทษทักษิณว่า
“ราชทัณฑ์” นอกจากอยู่ในกำกับรัฐแล้ว ยังอยู่ในกำกับนักโทษทักษิณ ที่ประกาศมาตลอดว่า “จะไม่ยอมติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว” ด้วย

“ราชทัณฑ์” จึงอ้างความเห็นแพทย์ ดึงเวลาให้ทักษิณเป็น “นักโทษเทวดา” สถิตอยู่ รอยัล สวีท ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ ไปจนกว่าจะครบ ๔ เดือน

เพื่อเข้าเกณฑ์รับโทษแล้ว ๑ ใน ๓ ก็ขอพักโทษ
กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้านได้ ในฐานะคนชราแถมป่วย ไม่ต้องใส่กำไล EM

สรุป “กรมราชทัณฑ์” มีพฤติกรรมส่อไปทางว่า….
“ละเว้นการปฎิบัติและปฎิบัติตามคำสั่งอันไม่ชอบ” จากฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลเพื่อไทย

ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า….
“พรรคเพื่อไทย” คือพรรคของ “ครอบครัวทักษิณ” โดยตรง!

และประจักษ์ชัดเช่นกันว่า
รัฐบาล โดยนายกฯ เศรษฐา แสดงท่าที ประหนึ่งว่า บ้านเมืองนี้ ไม่มี “นักโทษเทวดา” ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย

แม้ใครต่อใคร “ร้องเตือน-ทวงถาม” ความโปร่งใส
แต่รัฐบาลที่อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กลับถือดีในอำนาจ….

“กูจะยกทักษิณพ่อกู “ทูนหัว” ให้เหนือ “อำนาจรัฐ” หน้าไหน-ใครจะมาทำอะไร เพราะกู…รัฐบาลประชาธิปไตย ๑๐ ล้านเสียงเลือกมา!”

ก็อยากเตือนให้ระวัง
ตอนรัฐบาลประยุทธ์ ผายลมเพื่อไทยก็ยังว่าผิด แต่พอมาตัวเองเป็นรัฐบาล

ตดทักษิณกลับหอม ดมแล้วระลึกชาติความเป็นขี้ข้าได้ “รัฐบาลเศรษฐา” พากันละเว้นการกำกับดูแลหน่วยงานรัฐ ปล่อยให้ “กรมราชทัณฑ์” เทิดทักษิณเป็นนักโทษเทวดา

เถอะ แล้วจะเห็นว่า ที่ “ใหญ่ในแผ่นดิน” นั้น
ไม่ใช่ทักษิณ ไม่ใช่เพื่อไทย ไม่ใช่ครอบครัวชินวัตร
“ประชาชนเป็นธรรมในแผ่นดิน”

นั่นแหละ รัฐบาลพื่อไทย อาจมีบุญได้เห็น!

รัฐบาลก็ดี กรมราชทัณฑ์ก็ดี ผมขอถามคำ

ตั้งแต่ ๑๓ ตุลาคม พศ.๒๔๕๘ ที่ รัชกาลที่ ๖ ทรงให้ตั้งเป็น “กรมราชทัณฑ์” จนถึงวันนี้ ๑๐๘ ปี

มีซักรายมั้ย…..
ที่นักโทษเข้าเรือนจำปุ๊บ ยังไม่ทันขัง ป่วยปางตายปั๊บ ราชทัณฑ์ต้องลนลานนำตัวขึ้น ฮ.ส่งโรงพยาบาลกลางดึกแบบทักษิณนี่น่ะ?

ในสมัยประชาธิปไตยคณะราษฎร ยุคจอมพลป.
“พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร”

พระราชโอรสของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕

ต่อมา เป็น “ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” สถาปนาพระยศเป็น “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร”
พระองค์เป็นถึง “พระราชโอรส” ในหลวงรัชกาล ที่ ๕

แต่ “พ.อ.หลวงพิบูลสงคราม” หรือ “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” ตอนเถลิงอำนาจขึ้นเป็นนายกฯ
หวาดระแวง กลัวคนชิงอำนาจ จึงสั่งกวาดล้างจับกุมทุกคนที่คิดระแวง

ก็จับ “กรมพระยาชัยนาทนเรนทร” ไปด้วย นำไปขังที่ห้องขัง “สถานีตำรวจพระราชวัง” แถวๆ ปากคลองตลาด

“ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน์” ถูกจับไปขังด้วย เล่าสภาพห้องขังโรงพักแห่งนี้ไว้ ตอนหนึ่ง ว่า…….

“ห้องขังนั้นกว้างเพียง ๒ วา (๑ วาเท่ากับ ๒ เมตร) ที่มุมห้องมีถังอุจจาระซึ่งไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายวันแล้ว

ผนังห้องเต็มไปด้วยเสมหะและน้ำลาย ที่พื้นเต็มไปด้วยฝุ่นละออง และในซอกกระดานเต็มไปด้วยเรือด

ห้องเล็กซึ่งอับ อากาศร้อนอบอ้าวเหม็นสกปรกนี้แหละ จะต้องเป็นที่อยู่ ที่กิน ที่นอน ของข้าพเจ้าต่อไปอีก ๓ เดือน

แต่ถ้า “กรมขุนชัยนาทนเรนทร” ทรงอดทนสิ่งเหล่านี้ได้ คนอย่างเราก็ไม่ควรบ่นเลย

ข้าพเจ้าคิด…นี่เมืองไทยมาถึงยุคทมิฬจริงแล้วหรือ”

เมื่อความทราบถึง “สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า”

ทรงมีพระราชเสาวนีย์กับ “เจ้าพระยาพิชเยนทร์โยธิน” หนึ่งใน “คณะผู้สำเร็จราชการ” ว่า

“เธอกับฉันก็เห็นกันมาตั้งแต่ไหนๆ ครั้งนี้ทุกข์ของฉันเป็นที่สุด ขอให้เธอช่วยไปบอกหลวงพิบูลทีว่า อย่าจับกรมชัยนาทเข้าห้องขัง

มีผิดอะไรส่งมาให้ฉัน ฉันจะขังไว้เอง ให้มาอยู่ที่บ้านนี้ ข้างห้องฉันนี่ เพราะฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งแต่ ๑๒ วัน พระพุทธเจ้าหลวงอุ้มมาพระราชทานเอง

ถ้ากรมชัยนาทหนีหาย ฉันขอประกันด้วยทรัพย์สินที่ฉันมีอยู่ ถ้าหนีหาย ฉันก็ยอมเป็นขอทาน”

เมื่อ “เจ้าพระยาพิชเยนทร์ฯ” ไปปฏิบัติตามพระราชเสาวนีย์แล้ว กลับมากราบทูลว่า
“รัฐบาลไม่ยอม”!

เห็นมั้ย…..!
ขนาด “ลูกเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” แท้ๆ “ศาลจอมพลป.” ในคราบศาลยุติธรรม ตัดสินประหารชีวิต ถอดพระอิสริยยศ จาก “พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร”

เป็น “นักโทษชายรังสิตประยูรศักดิ์ รังสิต ณ อยุธยา”!
นำตัวไปขัง “คุกบางขวาง”

เมื่อศาลตัดสิน จะสถิตยุติธรรมหรือยุติไม่เป็นธรรมก็ตาม เพื่อให้หลักของบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ก็เข้าคุกเหมือนนักโทษทุกคน โดยไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

จนปี พ.ศ.๒๔๘๗ “นายควง อภัยวงศ์” เป็นนายก “รัฐบาลจึงได้ขอ “พระราชทานอภัยโทษ”
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา”พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล”

สิ่งที่สะท้อนคิด คือ…..
ขนาด “พระราชโอรส” เมื่อศาลตัดสิน คุกก็ต้องคุก ไม่ใช่คุกแบบ “รอยัล สวีท”

แล้วทักษิณเป็นใครมาจากไหน?

วิกิพีเดีย บอกว่า….
“ชุ่นเส็ง แซ่คู ชาวจีนแคะ อพยพย้ายถิ่นฐานจากมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มายังอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

ประกอบอาชีพสร้างเนื้อสร้างตัว จนได้เป็นนายอากรบ่อนเบี้ย ต่อมาย้ายจากจันทบุรี ไปตั้งถิ่นฐานที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่

ชุ่นเส็งแต่งงานกับสตรีชาวไทยชื่อทองดี มีบุตรชายคนโตชื่อ เชียง แซ่คู

เชียง เข้าเป็นแกนหลักของตระกูลและเป็นปู่ของอดีตนายกรัฐมนตรี ถึง 2 คน

ในเวลาต่อมา ประกอบอาชีพค้าขาย กับจีนฮ่อและไทยใหญ่ ก่อนที่ต่อมาจะมีกิจการหลัก คือโรงทอผ้าไหมไทย เมื่อปี พ.ศ. 2481 เชียงเปลี่ยนมาใช้นามสกุลชินวัตร”

ก็ชัด ทักษิณ เชื้อสาย-รกราก “จีนแคะ” จากกวางตุ้ง แต่สรุปแล้ว เป็นคน ๒ เชื้อชาติ คือไทยกับจีน

แต่ ๓ สัญชาติ คือ ไทย-มอนเตเนโกร และ “สัมภเวสี”!?

เพียงแค่มีเงินจากนโยบาย “โกงเอามาแบ่งปัน” ทุกอย่างในกระบวนการบริหารและปกครองรัฐ พากัน “สยบยอม” ให้กับนักโทษทักษิณ

มีอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา เหนือกฎหมายที่ใช้บังคับผู้ทำผิดทั้งมวล!

ติดคุก รัฐบาลก็คุกเข่าให้
ฝ่ายค้านในระบบสภา ก็คุกเข่าให้

กรมราชทัณฑ์ ก็คุกเข้าให้
แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ก็คุกเข่าให้

นักวิชาการ-จาน’มหาลัย ที่เคยเห่าเรื่อง ๒ มาตรฐาน กับนักโทษทักษิณ ประหนึ่งควายอมไข่ต่อๆ กัน แล้วลุยน้ำข้ามคลองป้องกันจรเข้งับ
ก็เงียบฉี่ ไม่มีตัวไหนกล้าเปิดปาก!

“ก้าวไกล-ฝ่ายค้านจอมปลอม” นั่นน่ะเรอะ ขุดคุ้ยเฉพาะรัฐบาลประยุทธ์ที่ขวางทาง-ขวางประโยชน์ และค้านตามใบสั่งเท่านั้น

กับทักษิณ ที่ทำตัวเป็น “นักโทษเทวดา”
มีใครได้ยินซักแอะจากปากก้าวไกล-ฝ่ายค้าน ซักถาม-ซักฟอกฝ่ายรัฐบาลในสภามั้ย…
ว่าทำไมจึงปล่อยให้เกิด ๒ มาตรฐาน รัฐบาลขยิบตากับราชทัณฑ์หรือเปล่า?

และทำไมรัฐบาลจึงไม่พิสูจน์ให้ประชาชนหายข้องใจ ในประเด็นว่า
“ทักษิณมีตัวตนอยู่จริงบนชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ และป่วยหนักปางตายชนิด ๒ เดือนแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น ต้องนอนรักษาต่อจริงหรือไม่?

ผมไม่ต้องการเห็นเศรษฐาถูกประทับตราเกี๊ยะใส่หลังเสื้อว่า
เพื่อไทย “รัฐบาลใต้อำนาจโจร” กินเมือง!

เปลว สีเงิน
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“พูดแล้วทำ” กับ “ตู่ทำต่อ” – เปลว สีเงิน
ต่อแรก ในตลาดเลือกตั้งปีนี้ พรรคไหนจะแลนด์สไลด์ได้ พรรคนั้น ต้อง "ตีหนู" ที่เป็น "ก้างขวางคอ" ให้ตายคารูก่อน
Read More
0 replies on ““ตายตอนจบ” ของทักษิณ – เปลว สีเงิน”