คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
ข่าวศาลปกครอง
ศาลปกครองกลางพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่
โดยมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทยชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
เนื่องจากการใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัทดังกล่าวขาดอายุความตามกฎหมาย
เผยแพร่ เมื่อ 18 ก.ย. 2566
…………………………………
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซ ว่า
ไทยชนะคดี โฮปเวลล์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญาจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นค่าใช้จ่ายการเข้ามาลงทุนเป็นเงิน 56,000 ล้านบาท
…………………………………..
“ค่าโง่โฮปเวลล์” ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท ไม่ต่างปลาตัวใหญ่ที่ตกน้ำไปแล้ว
แต่ “นายกฯโง่” อย่าง “ลุงตู่”
กับ “รัฐมนตรีพีระพันธุ์” และอดีตรัฐมนตรีคมนาคม “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รวมทั้งทีมงาน จาก รฟท.ขณะนั้น
ช่วยกันโดดลงไปไล่จับปลามูลค่า ๕.๖ หมื่นล้านกลับคืนมาได้ ท่ามกลางการทำใจด้วย “สิ้นหวัง” ของคนทั้งประเทศไปนานแล้ว
คนไทยจะขอบคุณลุงตู่ ขอบคุณมือกฎหมายอย่างท่านพีระพันธุ์ ขอบคุณอดีตรัฐมนตรีศักดิ์สยาม และขอบคุณชาวคณะ รฟม.หรือไม่?
ก็อยู่ที่ใจแต่ละท่าน!
สำหรับผม ในขณะทำใจ จะต้องแบกหนี้ใหม่ ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ด้วยเงินแท้ๆ ที่หนี้เงินแท้นั้น กำลังถูกเล่นแร่แปรธาตุไปเป็น “เงินเทียม” ในรูปเหรียญดิจิทัล แจกชาวบ้าน
ซึ้งใจ….กับการไม่ยอมแพ้ของรัฐบาลลุงตู่ ยามนั้น
ขอบคุณธาตุแท้ของคนที่เกิดมาเพื่อต่อสู้-พิทักษ์รักษาประโยชน์ชาติและประชาชน
หนี้ใหม่ ๕๖๐,๐๐๐ ล้าน กำลังจะเกิดจากนโยบายเงินดิจิทัล “เศรษฐา-เพื่อไทย”
ก็ยังดี “ลุงตู่” ไปต่อสู้ได้เงินค่าโง่โฮปเวลล์คืนมา ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท แม้ดูเป็นจำนวนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับมรดกหนี้ก้อนใหม่ ที่จะเกิด ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท
แต่นั่น ก็เอาเถอะ….
ถือซะว่า ลุงตู่กับท่านพีระพันธุ์ ช่วยกัน “เด็ดดอกหญ้าแซมหนี้” ก้อนมหึมาใหม่นี้ ก็แล้วกัน!
คุยเรื่องอื่น ที่อลึ่งฉึ่ง-อล่างฉ่างตอนนี้บ้าง เห็นจะไม่มีเรื่องไหนเกินเรื่องของรองประธานสภาอ๋อง แห่งก้าวไกลไปได้
เป็นมาถึง ๒ เดือนรึยัง ก็ไร้สาระที่จะนับ แต่ “รุ่นใหม่-ก้าวไกล” นายนี้ ลายพร้อยทั้งตัว เห็นเด่นชัด
เป็นปั๊บ แสดงบท “คนต้องเท่าเทียมกัน” แสดงบทป๋า เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านรัฐสภา จนได้ฉายา “รองฯ หมูกะทะ”
อีกไม่กี่วัน กลิ่นหมูกระทะยังติดขนหัว เอาอีกแล้ว
ยัดทานเบียร์มึนได้ที่….
โพสต์เฟซ เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาเบียร์คราฟต์ฟองฟูมปาก อ้างเป็นผลิตผลภูมิปัญญาพื้นบ้านพิษณุโลก
เอาเข้าจริง ไปจ้างผลิตมาจากแถวภาคตะวันออก มาหลอกคนพิษซุโลก!
ควายบางตัว มันยังรู้เลยว่า การโฆษณาเหล้า-เบียร์ “ผิดกฎหมาย”
แต่คนเป็นถึงรองประธานสภาฯมีหน้าที่ออกกฎหมายบังคับใช้กับชาวบ้านแท้ๆ กลับไม่รู้ว่าที่ทำนั้น “ผิดกฎหมาย”
มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ!
แต่ทางสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ว่าไงไม่ทราบ บางข่าวว่าปรับไป ๕ หมื่น บางข่าวว่ารองอ๋องปฏิเสธ ว่าไปชี้แจง ไม่ได้ไปเสียค่าปรับ
นึกว่าบ้านเมืองเป็นของพวกมึง ก็เอากันตามที่ชอบก็แล้วกัน
นี่ก็ได้ฉายา “รองเบียร์คราฟต์” รับประกันคุณภาพนักการเมืองรุ่นใหม่สามนิ้ว ผู้จะเป็นผู้นำอนาคตประเทศ อีก ๑ ฉายา!
แล้วนี่ สดๆ ร้อนๆ…….
สร้างวีรกรรม-วีรเวรอีกแล้ว ชาวบ้าน-ชาวเมืองเขาด่ากันมันกว่ากะทิชาวเกาะ
จะไปดูงานเบียร์คราฟต์หรือสุราพื้นบ้านที่สิงคโปร์หรือไปงานรัฐสภาอะไรของเขา อยากอ้างอะไรก็แถไปเหอะ?
ใช้งบรัฐสภาเป็นล้าน
ยกโขยงสส.ก้าวไกล ว่าไปดูงานสิงคโปร์ ๔ คืน ๕ วัน
สิงคโปร์ทั้งประเทศมีพื้นที่แค่ ๖๘๒ ตร.กม. ใช้เวลาดูงาน ๕ วัน
แต่ประเทศไทย เฉพาะกรุงเทพฯ มีพื้นที่ ๑,๕๖๘ ตร.กม.ถ้าพวกท่าน “ก้าวไกล” จะดูงาน คงต้องใช้เวลาร่วมครึ่งเดือนนะนี่
ก็ขอโทษ…มีคนฝากผมถาม
“เขาไปดู เห้….อะไรกัน?
ผมละ อุ๊ย…ระคายหู จำใจบอกเขาไปว่า
“น่าจะเป็นยังงั้นละมั้ง ก็รองประธานอ๋องเขาเป็นหมอสัตว์ แล้วจะให้เขาไปดูอะไรล่ะ”?
เชิญ…ทางสิงคโปร์เขาก็ไม่ได้เชิญ แต่เสือกไปเอง
หน้าที่ ในงานที่จะไปดู ก็ไม่ใช่หน้าที่ แต่เสือกเอง
แล้วไปทำไมตั้ง ๕ วัน …เรื่องของกู?
เดินทางก็ ๒ วัน ติดเสาร์-อาทิตย์อีก ๒ วัน แล้วไปดูงานอะไรกัน…เรื่องของกู?
อ้างดูงานบังหน้า ไปเที่ยวกิน-ดื่ม-ช้อปกันซะละมากกว่ามั้ง…เรื่่องของกู?
ไปกันเป็นสิบคน งบค่าใช้จ่ายที่เบิกหลวง สส.๑ คน อยู่ที่คนละ ๑๑๔,๖๕๐ บาทเชียวนะ …เรื่องของกู!
เป็นค่าเครื่องบินไป-กลับ ๕๑,๒๕๐ บาท,ค่าเบี้ยเลี้ยง ๔ วันๆ ละ ๓,๑๐๐ บาท รวม ๑๒,๔๐๐ บาท/คน
ค่าพักห้องเดี่ยว ๔ คืน คืนละ ๑๒,๕๐๐ บาท รวม ๕๐,๐๐๐ บาท/คน ค่าพาสปอร์ต ๑,๐๐๐ บาท/คน มันเปลืองนะ
เรื่องของกู!
ของ “รองอ๋อง-นายปดิพัทธ์” ค่าใช้จ่ายรวม ๔๙๔,๖๕๐ บาท เชียวนะ
ค่าตั๋วเครื่องบิน,ค่าเบี้ยเลี้ยง,ค่าที่พัก เท่ากับ ส.ส.คนอื่น แต่มีค่ารับรอง ๒๐๐,๐๐๐ บาท ค่าพาหนะ ๑๕๐,๐๐๐ บาท และค่าของที่ระลึก ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นพิเศษตะหาก
เรื่องของกู ….
แต่เรื่องของกูนั่นน่ะ มันเงิน “ภาษีกูนะ” ที่หลวงเอาไปจ่ายให้พวกมึง สักใส่หัวกะโหลกจำไว้ซะด้วย!
จะว่ากันจริงๆ เงินล้านกว่าบาท ซื้ออาหารเม็ดเลี้ยงหมาจรจัดก็ซื้อได้ ไม่เสียดายหรอก เพราะมันมีเหตุ-มีผล
แต่ฐานะ-หน้าที่คนเป็นรองประธานภา
เป็นแหม็บๆ ยังสำรวจไม่ทั่วสัปปายสภาสถานด้วยซ้ำว่า มีห้องส้วมทั้งหมดกี่ห้อง
รัฐสภา มีต้นไม้กี่ต้น มีพนักงานแรงงานลูกจ้างประจำกี่คน พนักงานจ้างบริษัทกี่คน ก็ยังรู้ไม่ได้หมดเลย
แต่ดันเสือกอยากไปดูงาน “ระบบสารสนเทศการประชุมของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์,
อยากไปดูงาน “การบริหารจัดการแรงงานของคนไทยในสาธารณรัฐสิงค์โปร์”
อยากไปดูงาน “การจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของสาธารณรัฐสิงคโปร์”
ไม่มีเหตุผลต้องไป
มันเป็นหน้าที่หรือ?
และมันเพื่อ….?
แถมพวกที่ไป ก็สส.ก้าวไกลแทบทั้งนั้น มีเพื่อไทยไปคนมั้ง มีคนภายนอกไปด้วย!
ถ้ารัฐสภาสิงคโปร์เขาเชิญ ก็ว่าไปอย่าง
นี่..นอกจากเขาไม่ได้เชิญแล้ว หน้าด้านกูต้องด้านกว่า สมสโลแกนก้าวไกล จึงไปขอให้เขาเชิญ
แต่ถ้าเขาจำใจเชิญจริง ก็ต้องเชิญผ่านประธานรัฐสภา คือท่านวันนอร์ แต่นี่ ดูท่าก็คงไม่ใช่อีกแหละ
ก็รัฐสภาสิงคโปร์เขามีฝ่ายค้านจริงจังซะที่ไหน มีแค่ฝ่ายค้านอุปโลกน์ให้เป็นเท่านั้น
ดังนั้น รัฐสภาสิงคโปร์ เขาจะเชิญ “ฝ่ายค้าน” ไปดูงาน เพื่อ…ตอบอะไรซักนิด ที่ฟังดูแล้วมันไม่ห่วยแตกน่ะ!
รู้ถึงไหนก็อายขายหน้าประเทศชาติเขาถึงนั่น แล้วคุยลั่นโลก จะตัดงบสัมมนา งบดูงาน งบสภา งบกองทัพ งบอาหารสส.-สว.
เหิมเกริม กระทั่งงบสำนักพระราชวังก็จะตัด
แล้วเป็นไง นี่เป็นแค่รองประธานสภาคนเดียว ยังขนาดนี้ แล้วถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล
มันไม่ผลาญกันจนฉิบหายขายประเทศเรอะ…แบบนี้!?
ระบบเลือกตั้งประเทศไทย
คนเลือก มันวนอยู่ในนิทานอีสป ๒ เรื่งเท่านั้นจริงๆ
“กบเลือกนาย” กับ “เหลือบฝูงใหม่”
แต่ไม่เคยเข็ด-ไม่เคยจำกัน!
เปลว สีเงิน
๑๙ กันยายน ๒๕๖๖