ผักกาดหอม
สับขาหลอกกันเล่นหรือเปล่า
เห็นข่าว “ทั่นรองอ๋อง หมูกระทะ-ปดิพัทธ์ สันติภาดา” เบิกงบสภาฯ ๑.๓ ล้าน เตรียมบินไปดูงานที่สิงคโปร์ มันทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้
เหมือนลับลวงพรางอะไรบางอย่าง
ก่อนอื่นไปดูกระแสข่าว ดูเหมือนว่าด้อมส้มพากันเมิน คล้ายๆ จะบอกว่าไม่เห็นจะแปลก ทีนายกฯ เศรษฐา ยังเล่นบท เศรษฐี เหมาลำการบินไทยไปประชุมยูเอ็น ใช้งบฯ ตั้ง ๓๐ ล้านบาท
นี่แค่ ล้านสาม จะอะไรกันนักกันหนา
แต่ฝั่งที่คอยตรวจสอบ เขาบอกว่า ไปแค่สิงคโปร์ทำไมต้องใช้เงินเยอะแยะ
นี่เป็นแผนการอันแยบยลในการขับ “ทั่นรองอ๋องหมูกระทะ” ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อให้ไปหาพรรคสังกัดใหม่ คือ พรรคเป็นธรรม
ขำกลิ้งลิงกับหมาครับ!
ถ้าลงทุนเล่นเกมแบบนี้เพื่อจะรักษาเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ ๑ ไว้ให้ได้ เลิกพูดเรื่องเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปเลย
เพราะไทยที่พวกคุณเปลี่ยนจะเป็นประเทศที่เฮงซวยที่สุดในโลก
พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแห่งความหวัง
ตั้งความหวังไว้มาก
และด้อมส้มก็คาดหวังมาก
ข่าวบอกว่า “ทั่นรองอ๋องหมูกระทะ” ขน สส.ก้าวไกลไปด้วย
๑.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
๒.นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
๓.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล
๔.น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล
๕. น.ส.ทิสรัตน์ เลาหพล สส.กทม. พรรคก้าวไกล
แถมคนที่ ๖.นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย จากพรรคเพื่อไทย
ที่เหลือ ๔ ราย เป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ทั่นผู้แทนทั้ง ๖ และรองอ๋อง นั่งชั้น business class ส่วนข้าราชการนั่งชั้นธรรมดา
ใช่ครับ มันสะกิดความรู้สึกตรงที่ พรรคก้าวไกลคือพรรคการเมืองที่ต่อสู้เพื่อให้คนเท่ากันมาโดยตลอด ขนาดพระมหากษัตริย์ก็จะดึงลงมาให้เท่าประชาชนธรรมดา
ข่าวหลุดออกมาแบบนี้ไม่รู้สึกอายบ้างหรือครับ สิ่งที่พวกคุณปฏิบัติมันสวนทางกับสิ่งที่พวกคุณบอกว่าคืออุดมการณ์
ไหนบอกว่าคนเท่ากัน
ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย
แต่ใช้งบประมาณของรัฐนั่ง business class แค่ ๒ ชั่วโมงกว่าไปสิงคโปร์ ถ้านั่งยาว ครึ่งวัน เช่นยุโรปก็ว่าไปอย่าง เพราะมันพอเข้าใจได้ว่าทั่นผู้แทนจะเมื่อย พักผ่อนไม่เต็มที่ ไปเจรจาความอะไรมันก็ลำบาก
ใกล้แบบนี้ นั่งชั้นธรรมดาไม่ได้หรือ
“รองอ๋อง” คนเดียวกันนี้หรือเปล่า ที่โพสต์รูปเซลฟีตัวเองแบกเป้เตรียมขึ้นรถไฟกลับบ้าน ที่พิษณุโลก
ทำไมถึงไม่เสมอต้นเสมอปลายล่ะครับ
สร้างภาพครึ่งๆ กลางๆ มันก็ย้อนเข้าตัวแบบนี้แหละครับ
ก็เป็นอันว่าคนด่ากันทั้งเมือง
ฉาวโฉ่แบบนี้ มีเสียงกระซิบจากพรรคก้าวไกลว่าเป็นไปตามแผน
ก่อนที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่จะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลจะมีมติขับ “รองอ๋อง” ออกจากพรรค แล้วจัดแจงให้รีบไปหาพรรคใหม่สังกัด ซึ่งก็คือพรรคเป็นธรรม
เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ ๑ เอาไว้
ตามกฎหมายทำได้หมดครับ
แต่ตามมารยาทเขาเรียกว่า “ทราม”
ยิ่งเป็นพรรคแห่งความคาดหวัง เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าด้วยแล้ว เขาเรียกว่า “โคตรทราม”
ก็รอดูครับว่า พรรคก้าวไกลจะติดเชื้อการเมืองยุคเก่า เล่นการเมืองแบบไดโนเสาร์หรือไม่
ว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ “รองอ๋อง” อยู่เหมือนกัน เพราะฟังคำชี้แจงแล้วมันมีเหตุผลรองรับอยู่เหมือนกัน
“…ผมเคยถูกถามก่อนหน้านี้ว่าจะยกเลิกการดูงานทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งผมบอกว่าไม่ยกเลิก แต่จะดูเท่าที่จำเป็นและให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องไปดูว่ากระบวนการของราชการมีขั้นตอนของกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่าบุคคลระดับต่างๆ ต้องได้รับการดูแลให้เดินทางอย่างปลอดภัยและสมฐานะของประเทศอย่างไร
ตอนที่ผมยังไม่ทราบระเบียบเหล่านี้ ผมก็เรียกเจ้าหน้าที่มา บอกว่าเดินทาง ๒ ชั่วโมงครึ่ง บินด้วยสายการบินต้นทุนต่ำได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ไปทำการบ้านมาปรากฏว่าไม่ได้ เพราะมีระเบียบกระทรวงการคลังล็อกไว้ว่าบุคคลเช่น รัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ ประธานวุฒิสภา ประธานรัฐสภา จะได้รับการดูแลให้เดินทางโดยสายการบินประจำชาติ เป็นการเบิกแบบสูงสุด (maximum) ตั้งเรื่องไว้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าถ้าใช้จริงจะเป็นเท่าไรแน่ ผมจึงให้นโยบายไปเลยว่าใช้ให้ถูกที่สุด เพราะสัมภาระไม่เยอะ
ส่วนการนอนโรงแรมก็อย่าให้ถึงงบสูงสุดคือ ๑๒,๐๐๐ บาท เอาแค่ ๗,๐๐๐-๘,๐๐๐ ก็พอ เจ้าหน้าที่ไปทำการบ้านมา ได้โรงแรมที่เหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตาม เอกสารการเบิกเป็นการเบิกแบบเต็มที่ ตามสิทธิ์ที่บรรจุในระเบียบกระทรวงการคลัง ดังนั้น ทั้งหมดมีเงื่อนไขอยู่ ต้องมีการพูดคุยให้ถูกต้องตามระเบียบ ส่วนเรื่องสายการบิน เชื่อว่าเจ้าหน้าที่การคลังของสภาได้ทำการบ้านดีที่สุดแล้ว สรุปเป็นชั้นธุรกิจของการบินไทย…”
พับผ่าซิ! รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่แก้ระเบียบกระทรวงการคลังเสียก่อน
มันเสียยี่ห้อก้าวไกลหมด
ระเบียบล้าหลังแบบนี้เอื้อให้คนไม่เท่ากันชัดๆ
มันคือศักดินา รัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ ประธานวุฒิ ประธานรัฐสภา ล้วนเป็นผู้รับใช้ประชาชนทั้งนั้นไม่ใช่หรือ
ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ
ไม่เชื่อไปดูในจดหมายลาออกจากหัวหน้าพรรคของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้ ประเทศไทย ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าประชาชน
ฉะนั้นมันต้องแก้
ถ้าเสียงส่วนมากในสภาไม่แก้ มาเลย ทะลุแก๊ส ทะลุวัง ทะลุนรกทั้งหลาย เชิญออกมาร่วมชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้คนเท่ากัน
เอาให้ส้มทั้งแผ่นดิน
เห็นแล้วว่ามีปัญหา ทำไมไม่เรียกร้องให้แก้ล่ะครับ
ถ้าสภาเสียงส่วนใหญ่ไม่ยอมก็ฟ้องประชาชน
แต่…เดี๋ยวนะ คำว่า “เสียงส่วนใหญ่” ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า คนละเสียงส่วนใหญ่กับตอนที่พรรคก้าวไกลอ้างว่า ตัวเองคือเสียงส่วนใหญ่เมื่อคราวแย่งกันตั้งรัฐบาลนะครับ
งงมั้ย?
เอางี้…ตอนตั้งรัฐบาล ก้าวไกลบอกด้อมส้มว่าพรรคคือเสียงส่วนใหญ่ ฉะนั้น “พิธา” ต้องได้เป็นนายกฯ ก้าวไกลต้องได้เป็นรัฐบาล
แล้วตอนนี้ล่ะครับ…พรรคก้าวไกลยังใช่เสียงส่วนใหญ่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็แก้เลย กฎหมาย กฎกระทรวง รัฐธรรมนูญ แก้ให้หมด
ครับ…ขนาดเป็นฝ่ายค้าน ก็เริ่มย้อนเข้าตัวแล้ว
ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะขนาดไหน?