วันที่ 17 ธันวาคม 2563-นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เดินทางไปยังจังหวัดยโสธร ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย “นายสฤษดิ์ ประดับศรี” ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร เบอร์ 3 และผู้สมัครสมาชิกสภาจังหวัด (ส.อบจ.) ครบทีม โดยเวทีปราศรัยในจุดแรกจัดขึ้นที่สนามฟุตบอล โรงเรียนกีฬาจังหวัดยโสธร ก่อนเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัย ณ ที่ว่าการอำเภอคำเขื่อนแก้ว และหน้าสำนักงานเทศบาลป่าติ้ว จ.ยโสธร
นายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งหมด 42 จังหวัด ส่งสมาชิกสภาจังหวัดกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ นี่คือความพยายามที่ไม่เคยมีคนทำมาก่อนที่ส่งนายก อบจ. ในชื่อเดียวทั่วประเทศมากมายขนาดนี้ มีอุดมการณ์แบบเดียว มีแนวนโยบายแบบเดียวกัน และภายใต้การรณรงค์แคมเปญแบบเดียวกัน เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีคนทำมาก่อน แต่วันนี้คณะก้าวหน้าได้ทำแล้ว
ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ หากท่านเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าที่มีความสามารถเข้าไปบริหารจังหวัดของท่านแล้ว ท่านจะได้ร่วมเดินทางกับเราในการปฎิรูปรัฐราชการรวมศูนย์ การที่เราเข้ามาเขย่าการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ เพราะต้องการเรียกร้องให้ส่วนกลางเอาอำนาจและงบประมาณคืนกลับให้ประชาชน เราจะเรียกร้องให้ส่วนกลางจัดภาษีให้เป็นธรรม เอาภาษีที่เป็นธรรมคืนให้กับประชาชน ถ้าอำนาจจากส่วนกลางถูกดึงมาอยู่ใกล้กับประชาชน ประชาชนจะได้เลือกว่าจะพัฒนาจังหวัดของท่านไปในทิศทางไหน
“คณะก้าวหน้ายืนยันที่จะปฏิรูปรัฐราชการจากข้างล่างสู่ข้างบน และหากทำได้เมื่อไรประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การพัฒนาแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอจะระเบิดออก ไม่มีใครเข้าใจปัญหาในบ้านเกิดของเราเท่ากับตัวของเราเอง ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของพวกเราดีเท่ากับพวกเรา อธิบดี ปลัดกระทรวง ที่นั่งทำงานตากแอร์อยู่ที่ส่วนกลาง ไม่มีทางเข้าใจปัญหา รู้วิธีแก้ปัญหาในจังหวัดของท่านได้ดีเท่ากับคนในจังหวัดของท่านเอง
และในการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ หากท่านเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าที่มีความสามารถเข้าไปบริหารจังหวัดของท่านแล้ว นอกจากพี่น้องประชาชนจะได้เข้าร่วมขบวนการเรียกร้องการปฏิรูประบบรัฐราชการรวมศูนย์ ท่านยังได้ส่งเสียงของทุกท่านดังๆ ว่าไม่เอาอีกแล้วกับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า จุดยืนของผมและคณะก้าวหน้าในประเทศไทยไม่มีใครไม่รู้ ว่าพวกเราต่อต้านเผด็จการและอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนทุกรูปแบบ เราต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย จุดยืนของพวกเราแน่วแน่และมั่นคง ดังนั้นหากทุกท่านยิ่งเลือกพวกเรามากเท่าไร ยิ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการระบบระเบียบของสังคมใหม่ที่จะทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด ให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศนี้ร่วมกัน
นอกจากนี้สวัสดิการจากรัฐ คือ สวัสดิการที่คนทุกคนต้องเข้าถึงได้เหมือนกัน ไม่ว่าอุดมการณ์จะเป็นอย่างไร หากคุณสมบัติผ่านต้องได้เหมือนกันทุกคน ส่วนอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นต้องไปว่ากันที่บัตรเลือกตั้ง แต่ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน กลับเอาสวัสดิการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น มาให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการตัดสินใจใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชนอย่างตั้งใจ เหตุผลที่พวกเขาทำแบบนี้ เพราะเขาไม่ต้องการคืนอำนาจและงบประมาณให้กับประชาชน เขาถึงให้โครงการทีละเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ทำให้ประชาชนจน แต่ไม่ถึงกับตาย
“สวัสดิการต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงเงินซื้อเสียง 300-500 บาท พอเขาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งแล้ว หารจำนวนวันแล้ว เขาให้ท่านไม่ถึง 2 สลึงต่อหนึ่งวัน หากเขาซื้อสิทธิ์ท่านขายเสียง ท่านยังจะต้องขายอนาคตของลูกหลานให้เขาไปด้วย ดังนั้นการเลือกตั้งท้องถิ่น 20 ธันวาคมนี้จึงสำคัญ ท่านอยากให้อนาคตของลูกหลานท่านเป็นแบบไหน ท่านเลือกเอง แต่ผมอยากจะขอให้เลือกพวกเรา เลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า เราจะตั้งใจทำงานและจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ขนาดหาเสียงยังตั้งใจขนาดนี้ ตากแดดลุยฝนจนตัวดำเสียบแหบแบบนี้ ถ้าได้มีโอกาสทำเพื่อประชาชนจริงๆ จะตั้งใจขนาดไหน” นายธนาธร กล่าว
จากนั้น นายธนาธร ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ ขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้ง ช่วย “ชัยศรี กีฬา” ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อำนาจเจริญ เบอร์ 4 และทีมผู้สมัครสมาชิกสภาจังหวัด (ส.อบจ.) ครบทีม สำหรับเวทีปราศรัยอำนาจเจริญ ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ มีประชาชนร่วมฟังคับคั่ง โดยประชาชนต่างต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าได้เข้าไปบริหาร อบจ. จะทำให้เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้นได้อย่างแน่นอน