ผักกาดหอม
เพ้อเจ้อ ขายฝัน คือ พรรคก้าวไกล
มันถึงเวลาแล้วที่จะสรุปว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ
การทำงานการเมืองที่ไม่ขึ้นกับความเป็นจริง ใช้จินตนาการในการสร้างชุดความคิด
ขณะที่ภาพรวมการเมืองไทยเน่าแฟะ จึงเป็นจุดอ่อนให้จินตนาการของพรรคก้าวไกลกลายเป็นจุดแข็ง สามารถเข้าไปอยู่ในใจประชาชนที่เบื่อหน่ายการเมืองได้อย่างแนบสนิท
จึงไม่แปลกการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้ถึง ๑๔ ล้านเสียง
มันไม่ใช่ความผิดของ ๑๔ ล้านเสียง เพราะคนเหล่านั้นรู้สึกไม่มีความหวังกับการเมืองในปัจจุบัน
เพียงแต่ภาพที่สร้างโดยพรรคก้าวไกล มันใช่ความจริงหรือเปล่า?
ลองมองย้อนกลับไปอย่างเช่นกรณี ยกเลิกพิธีไหว้ครู ทัศนะของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มองว่า ล้าหลัง-เจ้ายศเจ้าอย่าง
จากนั้นนำไปสู่การตีความว่า พิธีไหว้ครูเป็นตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
เป็นวัฒนธรรมที่กดทับ
โยงไปเรื่องการหมอบคลาน
แล้วไปจบที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องปฏิรูป
นี่แค่หนึ่งในชุดความคิดที่สร้างขึ้นโดยพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันคือ พรรคก้าวไกล
เป็นการใช้ความสิ้นหวังของคน เพื่อเป้าหมายที่เพ้อฝัน จะเดินตามตะวันตกทุกย่างก้าว จนลืมไปว่า ต่างสังคม ต่างวัฒนธรรม ยากมากที่จะลบล้างรากเหง้าแผ่นดินที่ตัวเองกินนอนอยู่ได้
สาระสำคัญของพิธีไหว้ครู ไม่ได้อยู่ที่นักเรียนหมอบคลานถือพานพุ่มเข้ากราบครู นั่นเป็นเพียงพิธีกรรมซึ่งสังคมไทยส่วนใหญ่ทำกันโดยสมัครใจ
เพราะจิตวิญญาณของพิธีไหว้ครูคือ การแสดงความเคารพ ยกย่องครูบาอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้
จนกลายเป็นประเพณีอันดีงามของไทย
แต่ “ธนาธร” ไม่เข้าใจ หรืออาจแสร้งไม่เข้าใจ จินตนาการว่าหากสามารถยกเลิกพิธีไหว้ครูได้ ถือเป็นชัยชนะเหนือฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในความเป็นจริง พิธีไหว้ครู ไม่อาจถูกทำลายล้างได้ เพราะโดยวัฒนธรรมไทย การะลึกถึงผู้มีพระคุณ มันซึมซับอยู่ในดีเอ็นเอของสังคม
อาจมีบ้างบางส่วนหลงเชื่อไปกับ “ธนาธร” ว่า การสร้างสังคมใหม่ ที่ไม่มีการเรียก ลุง ป้า น้า อา มีแต่ คุณ กับ ผม นำไปสู่ความเท่าเทียมในสังคมได้
เป็นสังคมที่ไร้ความเหลื่อมล้ำ
เพ้อฝันจนเสพติด คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำในทุกเรื่อง จึงอยากเห็นสังคมใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
การทำเช่นนั้นได้ พรรคก้าวไกล จึงบอกว่า ต้องเปลี่ยนประเทศ
ณ วินาทีนี้ ตามเมืองใหญ่ในอเมริกา ยุโรป เกลื่อนไปด้วยคนไร้บ้าน
ประเทศไทยเสียอีกแทบไม่มีให้เห็น
นั่นเพราะสังคมไทยกับฝรั่งนั้นไม่เหมือนกัน เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ผลกระทบต่อประชาชนจึงออกมาแตกต่างกัน
สังคมที่ผู้คนมีความสัมพันธุ์ระหว่างกัน รู้จักกันแค่ คุณ กับ ผม จึงไม่อาจลึกซึ้งเท่า สังคมที่มี ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง
ครับ…นี่คือตัวอย่างเพื่อจะอธิบายการทำงานของพรรคก้าวไกลในวันนี้
วาทะกรรมต่างๆที่สร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ก้าวไกลเสียงข้างมาก ประชาชนส่วนใหญ่เลือก “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี สัมฤทธิ์ผลและลงไปกองกันอยู่บนถนนเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ถือเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย
การชุมนุมคือการแสดงออก เพื่อบอกให้รู้ว่าอยากได้สิ่งใด
สิ่งที่ “ด้อมส้ม” อยากได้ในวันนี้คือ นายกฯต้อง “พิธา” เท่านั้น
ถ้าไม่ใช่ถือว่าไม่ตรงปก
การเมืองไทยมีความซับซ้อน นอกจากต้องรู้กฎกติกาที่กำหนดในกฎหมายแล้ว ยังต้องรู้จักวัฒนธรรมทางการเมืองด้วย
มันจึงเป็นเรื่องยากจะเข้าใจ หากใครคนนั้นเพิ่งจะสนใจการเมือง
หรือสนใจการเมืองเพียงเพราะอยากให้ “พิธา” เป็นนายกฯ
หรือไม่ก็สนใจการเมืองเนื่องจากไม่อยากเกณฑ์ทหาร
หลังเลือกตั้ง กระดุมเม็ดแรกที่พรรคก้าวไกลกลัดให้ “ด้อมส้ม” ผิด คือ ก้าวไกลคือเสียงข้างมาก และนี่เองคือชนวนนำไปสู่การล่าแม่มด
ส.ว.ที่โหวตไม่เลือก “พิธา” กำลังตกเป็นเหยื่อ
เมื่อก้าวไกลตัดสินใจใช้มวลชนกดดัน ผลลัพธ์หลังจากนี้การเผชิญหน้าระหว่างกันจะรุนแรงขึ้น
แน่นอนครับวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ที่คาดหวังว่า ส.ว.จะกลับใจช่วย “พิธา” ตามที่พรรคก้าวไกลต้องการนั้น คือเรื่องเพ้อเจ้อ
ไปขอลูกสาวเขา แต่ดันไปยืนด่าพ่อล่อแม่เขาถึงหน้าบ้าน คงไม่ต้องบอกว่าผลจะออกมาเช่นไร
แถมเพื่อไทยเตรียมจะหักด้วยซ้ำ!
ก้าวไกลติดกระดุมให้ “ด้อมส้ม” อีกเม็ด ด้วยการ เปิดโรดแมปก้าวไกล แคมเปญใน ๒ สมรภูมิเพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน
กลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อหนักกว่าเดิม กำหนดไทม์ไลน์ด้วยตัวเอง จะโหวตเลือกนายกฯรอบ ๓ เดือนกันยายน หลังแก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ สำเร็จ
มันคิดได้ครับ แต่ถามว่าจะเป็นจริงได้หรือเปล่า
คงต้องกะโหลกหนาจริงๆถึงจะเชื่อ
พรรคก้าวไกล มี ๑๕๑ เสียง มีสิทธิอะไรเที่ยวไปกำหนดว่าใครต้องทำอะไรเวลาไหน
ก้าวไกลวางแผนไว้แบบนี้ครับ
๑๔ กรกฎาคม ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ เพื่อปิดสวิตซ์ส.ว. ขั้นตอนนี้ทำไปแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แค่มีส.ส.รับรอบครบ ก็ยื่นได้เลย
๑๕-๑๙ กรกฎาคม ปฏิบัติภารกิจ ชวน ส.ว. ยืนข้างประชาชน ก็อย่างที่เห็นจัดคาร์ม็อบด่ากราดไปทั่ว
๑๙ กรกฎาคม โหวตนายกฯรอบ ๒ ถ้าไม่ผ่าน จะโหวตต่อรอบ ๓
ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม โหวตยกเลิกม.๒๗๒ ถ้าผ่าน โหวตเลือกนายกฯภายในเดือนกันยายน
แต่ถ้าไม่ผ่าน จะหลีกทางให้พรรคเพื่อไทย
คนเขียนไทม์ไลน์อยู่กับจินตนาการล้วนๆ ไร้ข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง
แต่…”ด้อมส้ม” เชื่อตามนี้ไปเยอะแล้วครับ
“พิธา” จบไปตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคมแล้ว
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องใช้มติที่ประชุมรัฐสภา หมายความว่ายังคงมีส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง
พรรคก้าวไกลจะยกคนละ ๒ มือกับ ๒ ตีน หรืออย่างไร
เลิกคิดปิดสวิตซ์ส.ว.เถอะครับ เพราะส.ว.จะปิดสวิตซ์ก้าวไกล ทั้งการเลือกนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒
จินตนาการไปถึงขั้นจะเลือกนายกฯรอบ ๓ เดือนกันยายน “พิธา” ได้เป็นนายกฯแน่ๆ เพราะปิดสวิตซ์ส.ว.ไปแล้ว
หมาออกลูกเป็นลิงครับ!
ไม่ได้อยู่บนข้อเท็จจริงเลย
ยุคหนึ่งเคยมีการโจมตีว่านักการเมืองพาคนไปตาย
ยุคนี้กำลังพาย้อนกลับไปเป็นสัตว์เซลล์เดียว
