คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
โอ๊ะ…ไปไกลนะธรรมศาสตร์!
จะเปลี่ยนชื่อเป็น “ธรรมศาสตร์สามนิ้ว” ก็เปลี่ยนไป
จะสนับสนุนพิธา “พรรคล้มเจ้า” เป็นนายกฯ ก็สนับสนุนไป
แต่การปล่อยให้นักศึกษากลุ่มหนึ่ง
ในนาม “คณะกรรมาธิการส่งเสริมประชาธิปไตยและความเท่าเทียม สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต”
ใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ด่าทอสว.ด้วยเนื้อหาที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย จนไม่สามารถนำมาเอ่ยได้แบบนั้น
ในทางหนึ่ง ก็ต้องขอบคุณ
ที่ “สำนักธรรมศาสตร์” ช่วยขับเน้น “สำนักโสเภณี” ให้ดูมีสกุลเด่นเหนือโดมขึ้นเยอะเลย!
ผมก็เห็นบทบาททางสังคมจากนิสิต-นักศึกษามาตั้งแต่สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จนถึงยุคจอมพลสฤษดิ์, จอมพลถนอม จนเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตลา.๑๖ และ ๖ ตุลา.๑๙
ที่เด่นชัด คือ
ในการชุมนุม การเดินขบวน นิสิต-นักศึกษา จะชูพระบรมฉายาลักษณ์ “ในหลวงรัชกาล ที่ ๙” ไปกับขบวนทุกครั้ง
ในการปราศรัย-ใบปลิว-แถลงการณ์ ของนิสิต-นักศึกษา ถ้อยคำที่ใช้ บ่งบอกวรรณะ “นักศึกษาปัญญาชน”
แกล้วกล้า เคี่ยวกรำ นำทาง ด้วยจิตวิญญาน “พิทักษ์ชาติ-พิทักษ์ธรรม” ไม่มีคำบ่งบอกความต่ำช้าสามานย์ จากหนุ่มสาวผู้มีการศึกษาเลย
สมัยนั้น “นิสิต-นักศึกษา” จึงเป็นที่หวัง-ที่พึ่งของประชาชนในทางนำ เป็นศูนย์รวมรักและศรัทธาจากประชน
ผิดกับปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง ภาพลักษณ์ไม่ต่างสถาบันผลิต “บัณฑิตหนอน” ออกมาชอนไชสังคมสู่การล่มชาติ!
“แยกชั่ว-แยกดี” ไม่เป็น “แยกผิด-แยกถูก” ไม่ออก “แยกความเป็นคน-ความเป็นสัตว์” ไม่ได้
แล้วนี่น่ะหรือ….
ผู้ประกาศตัวเป็น “คนรุ่นใหม่” ที่จะมานำชาติ?
จริงอยู่ “มหาวิทยาลัย” เป็นที่หวังของประชาชนว่าจะผลิตบัณฑิตออกมาเป็น “ปัญญาชนนำชาติ” ในอนาคต
แต่มันเลวมาตั้งแต่อาจารย์อย่างที่เห็น เมื่อผลิตออกมา ปัญญาชนที่หวัง จึงเป็นบัณฑิตประเภท “สวะชาติ” มากต่อมาก!
ทั้งหมดนี้ ผมไม่โทษนิสิต-นักศึกษาโดยตรง
แต่โทษผู้บริหารและอาจารย์มหา’ลัยบางแห่ง-บางท่าน ถ้าผู้บริหารและอาจารย์ไม่ชั่ว มีหรือลูกศิษย์ที่ผลิตออกมาจะเป็น “บัณฑิตชั่ว”?
พวกตะวันตก “ยุโรป-สหรัฐ” ที่ตั้งตนเป็นพ่อประชาธิปไตย มันกลัวอะไรที่สุด รู้มั้ย?
กลัวระบบ “พระมหากษัตริย์” ไงล่ะ!
เพราะประเทศไหนมี “พระมหากษัตริย์” เป็นองค์ประมุขประเทศนั้น ยากที่ “ยุโรป-สหรัฐ” จะส่งออกประชาธิปไตยเป็นสินค้าครอบงำชาติได้
ที่พวกส้มสามนิ้วเที่ยวพูด ว่า….
“ดูซี ในโลกนี้มีระบบพระมหากษัตริย์เหลืออยู่กี่ประเทศ เขาเปลี่ยนเป็นระบบประธานาธิบดีกันหมดแล้ว เพราะระบบพระมหากษัตริย์ทำให้ประเทศไม่ก้าวหน้า”
มันน่าเอาบั้นท้ายเท้ายัดปากเข้าไปควานถึงในหัวกะโหลกมันนัก!
ขบวนการสามสัสที่รับงานมาล่มชาติ มันปั้นวาทกรรมให้พูด พวกสถุลคิด-จิตต่ำ ก็รับบทมาพูดกันต่อ ด้วยนึกว่าเท่
“รุ่นใหม่ ต้องหยามชาติ ต้องระรานเพื่อล้มสถาบันพระมหากษัตริย์”
ก็ใช่ซี….
เพราะเครื่องมือหลักที่ “กลุ่มทุนโลก” พ่อของยุโรป-สหรัฐส่งไปบ่อนทำลายประเทศเป้าหมายที่มันต้องการครอบงำเพื่อทรัพยากรและเพื่อให้เป็นประเทศบริวาร
ก็คือ “ประชาธิปไตย”!
ทั้งปลุกปั่น ทั้งจ่ายไม่อั้น ให้คนในชาตินั้นๆ กระหาย บ้าคลั่ง ว่ากลิ่นหอมความเจริญ จะมีได้ ก็จากประชาธิปไตยเท่านั้น
หลายต่อหลายประเทศที่เคยมีระบบกษัตริย์ ประเทศชาติเจริญพัฒนาและประชาชนอยู่เป็นสุขตามฐานานุรูป
เมื่อถูกกลุ่มทุนใช้ประชาธิปไตยส่งออกไปจ้างพวกอสัตย์ชาติในประเทศนั้นๆ ปลุกปั่น เพื่อล้มล้าง
จึงเป็นดังที่เห็น….
ทั้งในยุโรป ในเอเชีย ในอาเซียน ถูกประชาธิปไตยส่งออกทำลาย หลายๆ ประเทศต้องอยู่ใต้ตีน “สหรัฐ-ยุโรป” คอนโทรล
เวิลด์แบงค์, ไอเอ็มเอฟ, สหประชาติ กระทั่งเฟด ที่หลายคนยังเข้าใจว่าเป็น “แบงก์ชาติสหรัฐ” นั่นน่ะ
มันเป็นของหลวง-ของรัฐซะที่ไหน
มันเป็นของ “กลุ่มทุน” เอกชนผูกขาด ทั้งการเงิน การคลัง การค้า ที่คอนโทรล “ยุโรป-สหรัฐ” อยู่อีกทีตะหาก
จะพูดว่า “สหรัฐอเมริกา” ก็แค่แบรนด์ “สินค้าผูกขาด” ชนิดหนึ่งของกลุ่มทุนโลก ที่เรียกกันว่า “ยิว-ไซออนิสต์”
นั่น..มันก็ใช่!
ที่ไทยดำรงความเป็นชาติไทยได้ถึงทุกวันนี้ แม้ถูกชาติ ตะวันตกย่ำยี-รุกราน หวังครอบงำทางอำนาจ ก็ไม่สำเร็จ
ก็เพราะไทยมี “สถาบันกษัตริย์” เป็นแกนรวมใจไทยทั้งชาติ นั่นแหละ จึงไม่แตกจนตกอยู่ใต้อำนาจใคร
แม้แตกแยกภายในกันบางครั้ง…..
ก็สงบระงับ “คืนรัก-คืนสามัคคี” กันได้ เป็นไทยปึกแผ่นที่หลายชาติแอบอิจฉา จนอยากฟื้นฟูระบบพระมหากษัตริย์ขึ้นมาบ้าง
เพราะตอนนี้ “อำนาจตะวันตก” มันต้องการใช้ภูมิศาสตร์ไทยเป็นฐาน “สงครามครองโลก” แข่งกับจีน-รัสเซีย
มัน “เจาะแล้ว-เจาะอีก” ที่จะเข้ามา แต่ก็เจาะไม่เข้า
เหตุที่เจาะไม่เข้า…
เพราะระบบพระมหากษัตริย์และกองทัพเป็น “แกนแข็ง”
ถ้าจะให้ไทยอยู่ใต้อำนาจมันได้ ก็มีทางเดียว
ใช้องค์กรที่ฝังรากไว้ในไทย เช่น เอ็นจีโอ เช่นพวกจานและกลุ่มการเมืองที่ขุนเลี้ยง
ปลุกกระแสประชาธิปไตยขึ้นมา
บ่อนเซาะ “สถาบันพระมหากษัตริย์” และ “สถาบันกองทัพ” ให้ประชาชนเกลียดชัง ว่าล้าหลัง เป็นปฎิปักษ์ต่อการพัฒนาชาติ
ในขณะเดียวกันก็ “อุ้มชู-ฟูฟัก” พรรคการเมือง ทั้งใต้ดิน-บนดิน ให้ชูภาพประชาธิปไตย “เสรีนิยม” เข้าไปใช้กลไกรัฐสภา
“ริดรอน-ตอนอำนาจ” สถาบันทั้ง ๒ ให้อ่อนเปลี้ยทีละขณะ รอจังหวะ “ขุดราก-ถอนโคน”
ก็หวุดหวิดสำเร็จตามแผนขั้นแรก
ส่ง “พิธา-ก้าวไกล” เป็นนายกฯ ยึดกลไกบริหาร เปลี่ยนนโยบายต่างประเทศ เปิดทางตะวันตกเข้ามาใช้ไทยเป็นฐาน
แต่เพราะไทยมี “พระมหากษัตริย์” เป็นแกนประเทศ
ทั้งสส.และสว.ส่วนหนึ่ง ทั้งประชาชนส่วนใหญ่ จึง “ไม่ยอม” เป็นเครื่องมือให้ในรัฐสภา!
ถ้าดูข่าวอันเป็นท่าทีประเทศใต้คอนโทรลสหรัฐ-ยุโรป จะพบว่า ทั้งชาติตะวันตก-ตะวันออก กระตือรือล้น ต่อการโหวตพิธาอันไม่เคยปรากฎมาก่อน
เมื่อพิธาไม่สมหวัง ต่างชาติเหล่านั้น ดูจะผิดหวัง และให้ทัศนะในทางลบต่อไทย
ขณะเดียวกัน โปรการกระทำต่ำช้าสามานย์ของพวกส้มสามนิ้ว ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย!?
ผมถึงบอกว่า….
กลุ่มทุนตะวันตกมันกลัว “สถาบันพระมหากษัตริย์” ไงล่ะ
เพราะประชาธิปไตยจัญไรของมัน
เจาะที่ไหนก็เจาะได้
แต่เจาะประเทศไทย ซึ่งมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นแกนชาติ ไม่ได้!
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปพูดให้ก้าวไกลเลิกแตะมาตรา ๑๑๒ ซะให้ยาก เพราะนั่น มันเป็น MOU ของเขา
เมื่อวาน ทำอหังการ ยกขบวนไป ข่มขู่-คุกคาม สว.และแม่ทัพ ต้องโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ให้ได้ ในวันที่ ๑๙ กค.
ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ทั้งปราศรัย ทั้งจุดไฟเผา
นี่คือการกระทำที่ “ยุโรป-สหรัฐ” และองค์กรใต้ตีนรวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ชื่นชมว่าเป็น “ประชาธิปไตย” ไม่เคยโผล่หัวตำหนิเลยซักครั้ง?
จากรูปการณ์นี้………
หลัง ๑๙ กค.ซึ่งยังไงพิธา “ร่างทรงอำนาจนอก” ก็ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯ แน่
“เพื่อไทย” จะเดินหมากตาต่อไปยังไง ผมไม่สนเท่ากับว่า ขบวนการส้มที่อำนาจนอกชาติหนุน จะปั่นให้เกิด “ประชาชนปฎิวัติ” ได้หรือไม่?
เพราะดูแล้ว จากรอบ ๑๓ กค.สู่รอบ ๑๙ กค.มีแต่ “ส้มคั้น” เจ้าเดิม เวียนหน้าหนีคุก ผลัดกันปั่น
บทสรุป ที่พิธาได้แน่ แต่ไม่ใช่เก้าอี้นายกฯ
เป็นคดีซุกหุ้น กับคดีใช้การยกเลิก/แก้ไข มาตรา ๑๑๒ เป็นนโยบายหาเสียง
บอกให้ “ยุโรป-สหรัฐ” มันรู้ไว้
ตราบใด ที่เสี้ยมแซะ หวัง “ล้มเจ้า” เพื่อ “เข้าครอง”
ตราบนั้น เจ้าต้องวอดวาย ในขณะที่ไทยดำรง
นี่ผมไม่ได้บอก “พระเจ้า” ท่านบอก!
เปลว สีเงิน
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖