ผักกาดหอม
วันนี้ (๒๔ กันยายน) เข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วครับ
ทาง กกต.ออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๖๕ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง ในช่วง ๑๘๐ วันก่อนวันเลือก
ที่จริงก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก บรรดาผู้สมัคร ส.ส. พรรคการเมือง ต่างก็เคยปฏิบัติมาแล้ว เพียงแต่กฎหมายเลือกตั้งเดิมกำหนดเรื่องของระยะเวลาในการหาเสียงไว้เพียง ๓๐-๔๐ วัน ว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้
แต่กฎหมายใหม่ ๑๘๐ วัน
ครึ่งปีกันเลยทีเดียวครับ
เนื้อหาหลักๆ คือ หาเสียงอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องแจกเงินแจกทอง แจกสิ่งของ หลังจากนี้ใครรู้ตัวว่าจะได้เป็นผู้สมัคร ส.ส. ห้ามเด็ดขาดครับ
โดนสอยเอาได้ง่ายๆ
ส่วนกิจกรรมทั่วไปที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการอยู่แล้ว เช่น การประชุมใหญ่พรรค การเปิดตัวผู้สมัคร การทำไพรมารีโหวต หรือการจัดโครงการที่พรรคทำกับประชาชน โดยได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ทำได้ แต่อย่าให้เข้าข่ายหาเสียง
เข้าข่ายเมื่อไหร่ ใบแดงปลิวมาแต่ไกล
ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากครับ ๓๐ กันยายนนี้ รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะคนไทยอยู่กับโควิดได้แล้ว จะส่งผลดีต่อบรรยากาศการหาเสียง
รวมทั้งม็อบด้วย
ก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ เข้าใจตรงกันทุกฝ่าย และสบายใจได้วันที่ ๗ พฤษภาคม ปีหน้ามีเลือกตั้งแน่นอน แต่ที่ยังต้องกุมขมับอยู่ คือปัญหาเศรษฐกิจ
วันนี้ดูเหมือนเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังจากต้องต่อสู้กับโควิดอย่างหนักหน่วงมา ๒-๓ ปี แต่ยังไม่จบครับ ยังมีคลื่นอีกลูกที่ต้องรับมือ
รัฐบาลหน้าใครมา เตรียมทำการบ้านแต่เนิ่นๆ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังมาเยือน
“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้ครับ
…ทุบเศรษฐกิจ พิชิตเงินเฟ้อ!!!
ถึงจุดนี้ จากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมด
จากสิ่งที่เฟดกำลังทำ
คงต้องสรุปว่า
เฟดตั้งใจที่จะ “ทุบเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่การสยบเงินเฟ้อ”
ซึ่งเป็นไม้ตายขั้นสูงสุด ที่ธนาคารกลางจะนำมาใช้ได้
เพราะถ้าฟังจากท่านประธานเฟดเมื่อวานนี้
ระหว่างช่วงแถลงข่าวและถามตอบ
ท่านบอกว่า
We have got to get inflation behind us. I wish there were a painless way to do that. There isn’t … เราต้องจบเรื่องเงินเฟ้อให้ได้ อยากให้มีหนทางที่ไม่สร้างผลข้างเคียงใดๆ ในการจัดการกับเงินเฟ้อ แต่มันไม่มีจริงๆ
The chances of a soft landing are likely to diminish to the extent that policy needs to be more restrictive or restrictive for longer … โอกาสของการ Soft landing ที่เคยบอกไว้ ได้ลดลง เพราะเราจะต้องขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่าที่คิดไว้ และคงดอกเบี้ยไว้ในระดับที่สูงเป็นเวลานานกว่าที่คิด
Reducing inflation is likely to require a sustained period of below-trend growth, and there will very likely be some softening of labor market conditions … เราคงต้องทำให้เศรษฐกิจอ่อนกว่าปกติ และคนจะต้องตกงานเพิ่ม ตลาดแรงงานปรับตัวเข้าสมดุลมากขึ้น เพื่อลดเงินเฟ้อให้ได้
We’re committed to getting inflation back down to 2%. We think a failure to restore price stability would mean far greater pain … เฟดจะเอาเงินเฟ้อลงมาที่ 2% ให้ได้ เพราะถ้าเราพลาดเรื่องนี้ จะเสียหายกันมากกว่านี้
We will keep at it until we are confident the job is done … เราจะไม่หยุด จนเรามั่นใจได้ว่าเงินเฟ้อสยบ และปิดงานได้
ทั้งหมดหมายความว่า เฟดจะเดินหน้า ไม่เปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไร
คนจะตกงาน
บริษัทล้มละลาย
ตลาดอสังหาสหรัฐฯ พัง
ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ส่งออกไม่ได้
Emerging Market ปั่นป่วน เกิดวิกฤต
รัฐบาลท่านไบเดน ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น
พรรคเดโมแครต ได้รับผลกระทบในการเลือกตั้งที่จะถึง
เศรษฐกิจสหรัฐฯ พัง ติดลบ
เฟดก็จะเดินหน้าต่อไป เพราะได้บอกแล้วว่า
We will keep at it until we are confident the job is done
มันคือหน้าที่ของเฟด ที่ได้รับมอบหมายมา
ในฐานะขุนศึก รับผิดชอบด่านสำคัญ
เมื่อศึกมาอยู่ข้างหน้า ก็จะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะให้ได้ ไม่เช่นนั้น ข้าศึกบุกเข้ามาได้ จะเสียเมือง เสียประเทศ เสียหายไปยิ่งกว่านี้
แม้จะย่อยยับจากสงครามบ้าง แต่ละคนบาดเจ็บ สินทรัพย์เสียหาย ก็ต้องยอม
โดยล่าสุด จากการประมาณการของเฟดในรอบที่ผ่านมาที่เริ่มเอาความจริงออกมาพูดมากขึ้นบอกว่า เศรษฐกิจปีนี้ ที่เมื่อปลายปีที่แล้วประมาณว่าจะโต ๔.๐%
ตอนนี้ คาดว่าจะโต ๐.๐-๐.๕%
หรือลดลง ๓.๕-๔.๐%!!!
อัตราคนว่างงานปีนี้ ที่เคยคิดว่าจะอยู่ที่ ๓.๕%
ตอนนี้ คาดว่าจะตกงานกันที่ ๓.๗-๕.๐%
เพิ่มขึ้น ๐.๒-๑.๕%
โดยหากเป็นกรณีแย่สุด จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น ๑.๕%
หมายความว่า ถ้าคำนวณเร็วๆ จากคนทำงานในสหรัฐฯ ๑๕๗.๕ ล้านคน ต้องมีคนตกงานเพิ่มขึ้น ๒.๗ ล้านคน
ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ตัวเลขเบื้องต้น บนพื้นฐานจากดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขึ้นไปสูงสุดที่ ๔.๖% ในช่วงปลายปีหน้า
แต่ถ้าสุดท้ายเงินเฟ้อยังดื้อแพ่ง ลงมาช้า หรือค้างอยู่ที่ ๓-๔% เฟดก็คงต้องเพิ่มยา ขึ้นดอกเบี้ยไปอย่างน้อยถึงระดับ ๕% ๖%
ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้ ก็จะแย่กว่านี้ ไปอีกพอสมควร
แต่เฟดก็คงยังยืนยันต่อไปว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอม ไม่มีทางเลือก ขอให้เดินลุยไฟไปกับเฟด
ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ก็จะเข้าสู่ภาวะ Recession เต็มรูปแบบ ที่อาจลึกกว่าที่ทุกคนคาด
ทั้งหมด จึงเป็นสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า อันจะมีนัยต่อทุกคนต่อไป
ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ค่าเงิน, การส่งออก, กำไร, สภาพคล่อง, การจ้างงาน และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งความจริงแล้ว การทุบเศรษฐกิจ เพื่อสยบเงินเฟ้อ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีคนบอกว่า ถ้าลองย้อนไปดูในอดีตที่ผ่านมา
Recessions ที่เกิดขึ้น เป็นผลงานที่เฟดสร้างเป็นส่วนมาก ครับ!!!!
#ท่องเศรษฐกิจกับ ดร.กอบ#เฟด…
ครับ…ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเต็มรูปแบบ จะไม่เกิดที่สหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว แต่จะลามไปทั่วโลก
ไทยจะโดนหางเลขหนักแค่ไหน ก็อยู่ที่ฝีมือรัฐบาลหลังจากนี้แล้วครับ
เห็นประกาศว่าเก่งๆ กันทั้งนั้น
แล้วได้รู้กัน