สัมภาษณ์พิเศษ
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ 14 พ.ค. 2566 เห็นได้ชัดว่า เป็นการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองต่างแข่งขันกันนำเสนอ “นโยบายพรรค” ต่อประชาชน อย่างเข้มข้น ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม-สิ่งแวดล้อม-กฎหมาย เป็นต้น
สำหรับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ก็เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมือง ที่นำเสนอชุดนโยบายของพรรคในหลายเรื่อง เพื่อเป็นข้อมูลการตัดสินใจของประชาชนในการโหวตเลือกผู้สมัครส.ส.เขตและระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
“หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยผ่านงานตำแหน่งสำคัญในภาคธุรกิจมาแล้วมากมาย เช่น กรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)-ประธานกรรมการ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)-กรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
“ม.ล.ชโยทิต” ที่ตอนนี้นอกจากจะเป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ยังเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ของพรรครทสช.อีกด้วย
ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ที่ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมา ที่ได้เข้ามาทำงานให้กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงตอนนี้ ทำมาสองปีกว่า โดยความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีความตั้งมั่นจะเป็นนักการเมือง แต่อยากเข้ามาช่วยชาติ
ครั้งนี้มันเป็นลูกติดพันที่ถ้าทำต่อ ก็จะได้เห็นความสำเร็จที่เราเริ่มไว้ โดยหากประเทศเสียโฟกัส -เสียการขับเคลื่อนหรือการผลักดันในด้านต่างๆ ไป ประเทศอื่นจะเอาไป แล้วเราจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
เช่น หากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี นักลงทุนย้ายไปที่อื่นเช่น หากประเทศไทยเกิดมาทะเลาะกันอีก แล้วนักลงทุน ยกเลิกการลงทุนหมด เราจะเรียกกลับมาอีกไม่ได้ เพราะเราผลิตรถน้ำมัน เราไม่ตายวันนี้ แต่อีกสิบปีข้างหน้าตายแน่
หรืออุตสาหกรรรมอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง หากย้ายออกไปจากไทยอีก ก็เท่ากับรายได้ที่จะเข้าประเทศ ก็จะหายไปอีกเช่นกัน รวมๆ แล้ว ก็ร่วมสามสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วจะไปตามกลับมาจากที่ไหน ถ้าอุตสาหกรรมเหล่านี้ย้ายออกไปจากประเทศไทย เพราะมันอยู่ในจุดที่เปลี่ยนผ่านพอดี หลายประเทศกำลังแย่งอยู่
….สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรวมไทยสร้างชาติ หัวใจสำคัญหลักๆ ก็เช่น การช่วยเหลือประชาชนที่เปราะบาง ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ เราช่วยอย่างมีวินัย และพุ่งเป้าตรง และช่วยอย่างมีโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อะไรต่างๆ ที่ช่วยคนยากจน หรือผู้สูงอายุ
นโยบายของรวมไทยสร้างชาติ มีครอบคลุมหมด แต่เราช่วยเขา เพื่อให้เขายืนขึ้นได้ และให้เขาปรับเปลี่ยนตัวเองในมิติใหม่ของเศรษฐกิจ เพื่อให้เขาแข็งแรงจริงๆ ไม่ใช่สอนให้เขาเป็นง่อย หรือแบมือ
“วันนี้ บางคนกำลังจะสอนอะไร ก็จะแจก แม้แต่กับเด็กอายุ 16 ปี จะสอนให้แบมือตั้งแต่อายุ 16 ปีเลยหรือ แล้วจะเอางบไปกระตุ้นอะไร ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศฟื้นแล้ว แล้วไปแจกคนรวยทำไม เก็บงบในส่วนดังกล่าวไปช่วยคนที่ยากไร้ไม่ดีกว่าหรือ”
…อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตอนนี้ช่วยอยู่ 14 ล้านคน แต่เงินที่บางคนจะนำไปแจก มันช่วยได้อีกหลายปีเลย แล้วมันมีเหตุผลที่ต้องแจกไหม ในเมื่อเศรษฐกิจประเทศไทยมันฟื้นแล้ว ก็ไม่มี แล้วจะกระตุ้นอะไร ผมก็อยากบอกประชาชนว่าต้องคิดกัน ไม่มีใครไม่ชอบเงิน แต่ถ้าชอบเงินแล้ว ประเทศเจ๊ง
เหมือนคุณมีห่านที่ออกมาเป็นทองคำ แทนที่จะค่อยๆ เก็บทีละลูก สร้างให้มันแข็งแกร่ง แต่กลับไปฆ่าห่านแล้วนำมากินกัน ก็แฮปปี้ได้แค่วันเดียว แต่ควรทำให้ห่านแข็งแรง จะได้ออกไข่เพิ่ม ให้คนไทยมั่งคั่ง ยั่งยืน
สิ่งนี้คือข้อแตกต่างของพรรครทสช.จากพรรคอื่น เราไม่ได้แจกกันแบบไปเอาจากกลุ่มหนึ่งมาแจกให้อีกกลุ่มหนึ่ง แต่เราเน้นการหารายได้ให้ประเทศ นำเงินมาช่วยเหลือเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากต่างประเทศ หรือรายได้จากในประเทศ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำมาหากินของประชาชน นี้คือความเจริญเติบโตที่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ยั่งยืน เพราะวินัยการเงินการคลังของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ
“หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ”กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราผ่านทุกอย่างมาได้ จนวันนี้เรามีฐานะทางการเงินการคลัง จนถูกนำมาหยิบยกเป็นตัวอย่างของโลก เราต้องเก็บรักษาตรงนี้ไว้ ต้องไม่กลับไปทำเรื่องเดิมๆ เปรียบเทียบ
ที่เขาบอกเป็นคนไข้ ผมก็จะบอกว่า เราตื่นแล้ว แต่บางคนบอกจะขอฉีดมอร์ฟีนให้อีก ซึ่งมอร์ฟีนอาจจะดูดี แล้วสุดท้าย เป็นยังไง ก็จะกลับไปเป็นโคม่าใหม่อีกรอบ แล้วคราวนี้ วิกฤตโลกต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากภาคส่วนต่างๆ หากเราเดินผิดไปแค่ก้าวเดียว ทุกอย่างจะกลับมาทวีคูณยิ่งกว่านี้
ถ้าเราไม่มีเงินเยียวยา ไม่มีการเก็บเงินไว้ใช้อย่างมีวินัย แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ตัวเองก็ไม่ปรับ จะแจกกันเข้าไป หากมีวิกฤตอีก จะแจกกันไหวไหม แจกกันจนเงินหมดคลัง จะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ก็พิมพ์แบงค์ไง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ออกมาบอกแล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้น ทุกอย่างที่มีร้อยบาท อาจจะเหลือแค่สิบบาท หรือหนึ่งบาท hyperinflation (เงินเฟ้อขั้นรุนแรง) เคยเห็นหรือยัง ปีละสามพันเปอร์เซ็นต์ เคยมีแล้วที่ เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา ก็เพราะทำกันแบบนี้ ถ้าการแจกคือการแก้ปัญหา เขาก็คงรวยที่สุดในโลกไปแล้ว
ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีวินัย ไม่ให้มีผลกระทบกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ เพราะนี้คือหม้อข้าวของคนไทยทุกคน และเราต้องรวมไทยกันสร้างชาติ ไม่ใช่เอาจากคนกลุ่มหนึ่งมาให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง แบบนั้นไม่ใช่การสร้างชาติ แต่เป็นการฉีกชาติเป็นชิ้น
คอนเซ็ปต์นโยบายเศรษฐกิจของรวมไทยสร้างชาติ คือทำให้มีการมาร่วมกันสร้างชาติให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่ไปเอาเงินของใครมาแล้วเอาไปให้คนอื่น หรือกู้มาแจก สิ่งที่เยียวยาเราต้องเยียวยาเพื่อให้คนไทยแข็งแกร่งขึ้นและเราก็หวังว่ามันจะลดน้อยลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้น
“ม.ล.ชโยทิต” บอกว่า หากหลังเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าไปเป็นรัฐบาล ก็มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งเข้าไปทำไปแก้ปัญหาเช่นเรื่อง”หนี้ครัวเรือน” ที่ต้องทำให้เสร็จ ทำให้ความไม่เป็นธรรม ทำให้คนที่เป็นหนี้ ได้รับการดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ไปปลดโซ่ตรวนตรงนั้นและทำเรื่อง infrastructure ต่างๆ ของประเทศ-เรื่องพลังงาน อุตสาหกรรมอีวี -Smart Electronics ต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ เพราะวันนี้หลายประเทศจ้องจะแย่งจากประเทศไทย
หากเราไม่มีเอกภาพ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งบอกว่า เศรษฐกิจประเทศไทยยังนอนอยู่ ต้องกระตุ้นก่อน เราก็จะไปผิดทางได้ เพราะว่าความเป็นจริง เราฟื้นแล้ว รัฐบาลปักธงทุกอย่างไว้แล้ว ตอนนี้ต้องทำให้มันเดิม จะถอยหลังทำไม เรื่องเหล่านี้คือเรื่องเร่งด่วนทั้งสิ้น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม จะแย่งไทยเราอยู่ทุกวัน ในทุกวันนี้
“หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ” ย้ำว่า หากเรายังแตกแยกกัน มาเสนอไอเดีย สองขั้ว สามขั้ว เราไปไม่ได้ เราต้องการความมีเอกภาพ ต้องการให้เลิกมาด้อยค่าประเทศ ประเทศไทยเรามีดีครับ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้ว เศรษฐกิจเราโตต่อเนื่องตลอด แต่คู่แข่งเราตก
เราต้องมีความภาคภูมิใจในประเทศตัวเอง ไม่ใช่มาด้อยค่า ก็รู้ว่าอยากจะมาด่ารัฐบาล แต่ก็โทษคนทำสิ อย่ามาด้อยค่าประเทศ มาคุยกันตรงๆ ผมจะได้ตอบ ก็นี่ไง เศรษฐกิจโตสี่เปอร์เซ็นต์ เติบโตแล้ว แต่อย่ามาด้อยค่าประเทศ
“เพราะการด้อยค่าประเทศ หากวันหนึ่ง คุณเข้ามาบริหาร คุณจะเอากลับขึ้นมาได้ไหม สิ่งที่คุุณเคยด้อยค่าไว้ โดยที่ตัวคุณก็ไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าคุณจะสร้างประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืนและมั่นคงได้อย่างไร มีแต่แจก หรือเอาจากกลุ่มนี้มาให้อีกกลุ่มหนึ่ง มีแต่ความขัดแย้ง มีแต่ความบรรลัย มีแต่จะถอยหลังเข้าคลอง”