‘เศรษฐา’ จะขายข้าว – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อีก ๒ สัปดาห์ เข้าคูหาเลือกตั้งแล้วครับ

เห็นป้ายหาเสียงเลือกตั้งริมถนนบ่อยเข้า ไม่รู้ใครเป็นบ้าง ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยน

เหมือนพรรคการเมืองดูถูกประชาชน

นโยบายลดแลกแจกแถม ราวกับว่าประชาชนทำมาหากินไม่เป็น ถึงได้เอาเงินมาล่อ เพื่อให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ก็เข้าใจครับว่า ประชาชนที่มีรายได้น้อย อาจรู้สึกว่าได้เงินเพิ่มมาเดือนละพัน สองพัน ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

แต่หากมองระยะยาว นักการเมืองก็จะใช้วิธีลดแลกแจกแถมไปเรื่อยๆ เพราะทำแล้วได้คะแนน

ฉะนั้น หากพรรคการเมืองไหนแจกน้อยๆ แต่เน้นพัฒนาประเทศระยะยาว พรรคการเมืองนั้นน่าไปหย่อนบัตรให้

ครับ…มองดูเหมือนเป็นเรื่องฝันเฟื่อง เพราะโลกแห่งความเป็นจริง นักการเมืองขยันแจก ประชาชนเสพติดประชานิยม จนยากที่จะถอนตัวแล้ว

พรรคไหนขืนนำเสนอนโยบายพัฒนาคน พัฒนาประเทศ กลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เพราะไม่สามารถนำมาขายในช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้

แต่สำหรับบางพรรค นโยบายที่เคยสร้างความฉิบหาย ก็ยังเอามาหาเสียงซ้ำๆ ได้

พรรคเพื่อไทยเล่นใหญ่มาก

เวทีปราศรัยที่ พยัคฆภูมิพิสัย มหาสารคาม “เศรษฐา ทวีสิน” พูดเรื่องราคาข้าวครับ

“…สมัยรัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ราคาข้าวสูงมาก สูงกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน

พี่น้องอยากให้ราคาข้าวกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ แน่นอนว่าราคาข้าวจะกลับมาดี ถ้าพี่น้องเลือกคุณยุทธพงศ์ให้ชนะขาด

ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าเอาข้าวไปขายทั่วโลก มีอีกหลายประเทศยังไม่รู้จักข้าวไทย

ถ้าหลายประเทศสนใจ มีออร์เดอร์สั่งซื้อเยอะ ราคาข้าวก็จะขึ้นสูงแน่นอน

พี่น้องจำไว้เลยสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ราคาข้าวดี เพราะ รมช.เกษตรฯ คือคุณยุทธพงศ์ นำมาซึ่งราคาข้าวที่เป็นที่น่าพอใจ…”

ไม่ควรโกหก น่าจะพูดกับชาวบ้านตรงๆ

สมัยนั้นจำนำข้าวไม่ใช่หรือ?

มันก็สูงสิครับ

รัฐซื้อข้าวจากชาวนาเอาไปกองพะเนินเทินทึก มีข้าวเสีย ข้าวเน่า ไปเท่าไหร่

ไม่นับคอร์รัปชันครบวงจรอีกต่างหาก

สมัยยิ่งลักษณ์ออร์เดอร์เทียมก็เยอะครับ เพราะขายข้าวจีทูจีเก๊กันครื้่นเครง

ฉิบ-ไปเท่าไหร่

เมื่อ “เศรษฐา” กล้าพูดเรื่่องราคาข้าว ก็ควรบอกชาวนาให้ชัดว่า มีวิธีไหนทำให้ข้าวขายได้ตันละหมื่นห้า เหมือนช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีโครงการรับจำนำข้าว

จะจำนำข้าวอีกรอบหรือเปล่า

แค่อาศัยกลไกตลาดโลก เชื่อหรือไม่ว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปี ๒๕๖๒ ยุครัฐบาลประยุทธ์นี่แหละ สูงกว่ายุคจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วยซ้ำ

จู่ๆ ราคาข้าวมันไม่ได้กลับมาดีเพราะเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

ฉะนั้นเลิกใช้ตรรกะนี้โกหกประชาชนเสียที

ชาวนาเองก็ต้องเข็ดขยาดกับโครงการรับจำนำข้าว เพราะมันทำลายการค้าข้าวอย่างรุนแรง

กลับไปดูสิ่งที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เตือนไว้สิครับ แล้วอย่าทำอีก

นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ “เศรษฐา” บอกว่าสมัยนั้นข้าวราคาดี มันดีกับใคร

ในบรรดาชาวนาที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการรับจำนำข้าว มีหลักฐานชัดเจนว่าผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับชาวนาที่มีฐานะร่ำรวย และฐานะปานกลาง

ส่วนชาวนารายเล็ก ที่ยากจน ซึ่งเป็นชาวนาส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากโครงการน้อยมาก

ชาวนายากจนที่ปลูกข้าวนาปี เพื่อเก็บข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน หรือไม่มีผลผลิตเหลือขาย จะไม่ได้ประโยชน์แม้แต่บาทเดียวจากโครงการรับจำนำข้าว

ชาวนาที่ต้องซื้อข้าวกินมี ๗.๔ แสนครัวเรือน

ชาวนาที่ปลูกข้าวไว้กินในบ้านมีจำนวน ๑.๓ ล้านครัวเรือน

ฉะนั้นชาวนาที่ยากจนจึงมิได้ประโยชน์ใดๆ จากการจำนำ ซ้ำร้ายต้องซื้อข้าวบริโภคในราคาแพงขึ้น

นั่นคือหลักฐานเชิงประจักษ์!

ประเด็นสำคัญที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคือ ชาวนาส่วนใหญ่เป็นคนจน

แต่ข้อเท็จจริงตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงว่า ในบรรดาครัวเรือนคนไทยทั้งหมดที่อยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนสูงสุด ๔๐% ปรากฏว่าเป็นครัวเรือนชาวนาจำนวน ๑.๑๘๕ ล้านครัวเรือน

ครัวเรือนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากการจำนำข้าวมากที่สุด เพราะมีผลผลิตข้าวเหลือขายให้รัฐบาลมากที่สุดถึงร้อยละ ๕๒ ของผลผลิตที่ชาวนาทั่วประเทศนำออกขายในตลาด

ดังนั้นโครงการรับจำนำข้าวจึงเป็นการนำเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนทุกคน ไปแจกจ่ายให้เกษตรกรที่มีฐานะร่ำรวยและฐานะปานกลาง

นโยบายแบบนี้เป็นการเพิ่มความไม่เท่าเทียมของการกระจายรายได้

เพิ่มความเหลื่อมล้ำนั่นเอง

โครงการรับจำนำข้าวต้องใช้เงินภาษีประชาชนในการแทรกแซงตลาดข้าวเป็นจำนวนมาก

นอกจากเงินกู้ที่ใช้ซื้อข้าวแพงกว่าราคาตลาดจำนวนกว่า ๓ แสนล้านบาทในปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ คาบเกี่ยวกับช่วง “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” เป็น รมช.เกษตรฯ นั่นแหละครับ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังต้องใช้เงินเป็นจำนวน กว่า ๒ หมื่นล้านบาท ในการจ้างโรงสีเพื่อสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร จ่ายค่าเช่าโกดังและค่ารักษาสภาพข้าว จ้าง surveyors เพื่อตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว

ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ปีละ ๕.๕ พันล้านบาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินงานตามนโยบายรวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่าอีกร่วมๆ ๖ พันล้านบาท

ค่าข้าวเสื่อมคุณภาพอีกปีละ ๕.๕ พันล้านบาท

ไฮไลต์ของโครงการจำนำข้าวคือ มีการรั่วไหลและความสูญเปล่าจำนวนมหาศาล โรงสีบางแห่งลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์การจำนำ

คร่าวๆ ก็ 5 แสนตัน

แปลว่ามีเงินภาษีคนไทย ๒ พันล้านบาท ไหลออกไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา

ส่วนเรื่องจีทูจีเก๊ “บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง” ติดคุก ขุดกันจนไม่รู้จะขุดอย่างไรแล้ว

สิ่งสำคัญที่ชาวนาไทยต้องจำให้ขึ้นใจคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้ไทยสูญเสียตลาดข้าว

คือการสูญเสียตลาดส่งออกข้าวที่ไทยครองตลาดเป็นอันดับหนึ่ง

ว่ามาเสียยาวยืด เพราะ “เศรษฐา” บอกว่าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลปุ๊บ ราคาข้าวขึ้นปั๊บ เพราะจะเอาข้าวไทยไปขายให้ประเทศที่ยังไม่รู้จัก

จะมีสักกี่ประเทศไม่รู้จักข้าวไทย

ขายบ้าน กับขายข้าว ไม่เหมือนกัน

กระทรวงพาณิชย์เขาขยายตลาดข้าวทุกปี เขารู้ต้องเจาะตลาดไหน ไม่มีใครงอมืองอเท้า เพราะเราสูญเสียตลาดช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปพอควรสม

แต่ขายบ้านบางโครงการ ทุนจีนสีเทาเหมาหมด เจ้าของโครงการบอกว่า ไม่รู้เรื่อง

“เศรษฐา” ลองไปถาม “อุ๊งอิ๊ง” ดู

Written By
More from pp
“จุฑาพร เพื่อไทย” ดีใจ “ประยุทธ์” ไปแล้วให้ไปเลย ประเทศไทยจะได้เดินหน้า ชี้ ระบบยุติธรรมทำให้ไทยดูดีขึ้น
“เพื่อไทย” ดีใจ “ประยุทธ์” ไปได้แล้ว และ ไปแล้วต้องไปเลย ประเทศไทยจะได้เดินหน้า ชี้ ระบบยุติธรรมทำให้ประเทศไทยดูดีขึ้น แนะ เร่งแก้ไขปัญหาที่หมักหมม และ...
Read More
0 replies on “‘เศรษฐา’ จะขายข้าว – ผักกาดหอม”