26 เมษายน 2566 ที่สถานีโทรทัศน์ PPTV กรุงเทพฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเวทีดีเบต “เลือกตั้ง 66 ฟังเสียงคนไทย” ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ PPTV มีตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ เข้าร่วมดีเบต โดย นายสนธิรัตน์ ได้ตอบคำถามเรื่องการยกระดับรายได้ และแก้ปัญหาความจนของประชาชนว่า
บัตรประชารัฐเกิดจากทีมที่พวกตนร่วมทำกัน ซึ่งเจตนารมณ์คือต้องการช่วยหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี ซึ่งผู้ที่มีรายได้น้อยรัฐต้องดูแล
อย่างไรก็ตาม เจตนาจริงๆ ของบัตรประชารัฐไม่ใช่การนำเงินมาแจก แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีข้อมูล ไม่รู้ว่าคนจนอยู่ไหน การทำบัตรประชารัฐทำให้มีฐานข้อมูล ทำให้เรารู้ว่าคนจนอยู่ที่ไหน เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้พี่น้องได้ถูกต้อง แต่ก็ต้องใส่แรงจูงใจเข้าไป ไม่ใช่แค่ให้เขาเข้ามาเฉยๆ ซึ่งเงิน 300 บาทก็มีความหมาย
หากพรรคพลังประชารัฐได้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เราต้องการแก้ปัญหาความยากจนโดย เพิ่มเงินเป็น 700 บาท พร้อมทั้งนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาแก้ความยากจน โดยทำให้พี่น้องประชาชนมีโอกาสในการสร้างรายได้ ให้พ้นปีละ 1 แสนบาท ซึ่งเท่ากับว่าเรามีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำให้พ้นความยากจน ให้พี่น้องได้มีอาชีพ ตั้งตัวได้ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่องจุดยืนในการแก้ปัญหาสงครามรัสเซีย – ยูเครน หากพรรคได้เป็นรัฐบาล และประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากจุดยืนดังกล่าว ว่า หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล เรามีจุดยืนคือไม่เห็นด้วยกับสงคราม ควรใช้บทบาทประเทศไทยในฐานะที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งแสดงบทบาทโดยการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนตั้งโต๊ะเจรจา โดยประเทศไทยต้องเป็นคนที่แสดงบทบาทมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยดำเนินการในลักษณะนี้ เราจะโดดเด่นขึ้นในเวทีโลก และสิ่งที่ต้องเรียกร้องคือเมื่อกติกาของโลกเปลี่ยนแปลงไป ขั้วอำนาจที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจะต้องแสดงจุดยืนชัดเจน โดยขอให้ทุกประเทศเคารพกติกาสากล ตามกฎระเบียบสหประชาชาติ และกติกาสากล นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยควรแสดงบทบาทที่ชัดเจนต่อต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน