สันต์ สะตอแมน
สำนักข่าวไหนบิดเบือนไม่รู้..
แต่..ที่อยากให้รู้ หรือรู้กันไปแล้วก็คือคุณใบเตย อาร์สยาม ได้โพสต์.. “ขอบคุณสำหรับทุกความห่วงใย ทุกสายที่โทรฯเข้ามา
ก่อนอื่นเลยใบเตยต้องชี้แจงว่า ข่าวที่ได้ถูกนำเสนอไปในวันนี้ในรูปแบบข้อเท็จจริงขั้นตอนของกฎหมาย เบื้องต้นเราต้องพบDSI ตั้งแต่เริ่ม
พอทางDSIสั่งฟ้องก็ต้องไปต่อที่อัยการ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายค่ะ ใบเตยและพี่แมนก็ได้ทราบเบื้องต้นในหลักกฏหมายตรงนี้มาตลอด
วันนี้ได้ไปรายงานตัวต่อทางสำนักอัยการเรียบร้อย ป.ล.(และเรายังไม่ได้โดนอัยการสั่งฟ้องนะคะ)นับจากนี้ทางอัยการก็จะพิจารณาต่อไปค่ะ
นี่คือความจริงตามหลักกฎหมายในตอนนี้ค่ะ ต้องขอชี้แจงจากทางฝั่งใบเตยและในพื้นที่ส่วนตัวของใบเตย
ขอย้ำนะคะว่า ตามหลักกฎหมายตอนนี้เรายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้โดนหมายจับ โดนรวบตามข่าวที่นำเสนอบิดเบือนไปต่างๆนาๆ ยังทำงานและใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ
ไม่เคยมีและไม่เคยคิดจะมีพฤติกรรมหลบหนีใดๆ ทำทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย แล้วก็ให้ความร่วมมือกับทางDSI และอัยการด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ”
ครับ..ก็อยากให้เข้าใจ(เธอ)ตรงกันตามนี้ โดยเฉพาะตอนนี้คุณใบเตยกับสามียังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่จะยืนหยัดความบริสุทธิ์ได้ตลอดไปหรือไม่ก็ต้องคอยตามดูกัน!
ส่วนการ “ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง” ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหน หากมีความยืนหยัด ผู้คนเขาก็สดุดีทั้งนั้นแหละ
ดูอย่างคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ในขณะนี้ไง มีแต่ผู้เสียผลประโยชน์เท่านั้นที่อยากจะฆ่าแกเสียให้ได้!
นอกนั้นมีแต่เสียงเรียกร้องอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง อยากให้เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้าง
แต่น่าเสียดายแทนเสียงเรียกร้อง เพราะบิ๊กชูฯ แกยืนยันไม่ต้องการเป็นนักการเมือง ไม่ว่าตำแหน่งอะไรทั้งนั้น ตำรวจแกก็ไม่เป็น
ซึ่งในความเห็นส่วนตัวให้แกเป็นบิ๊กชูฯ อย่างที่แกเป็นอยู่เวลานี้ดีที่สุด!
เอาเป็นว่าคนใจถึงพึ่งได้(ของแท้)อย่างคุณชูวิทย์ จะเป็นอะไรก็ตามใจแกเถิดคุณภาพคับแก้วคับขวดแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร มีคนอย่างแกเนี่ย..
ผีสางเทวดาเห็นยังคร้าม!
เรื่องประโยชน์นั้นบอกได้เลยบ้านเมืองมีแต่ได้กับได้ บ้านเมืองจากที่รู้สึกสิ้นหวัง มืดมลอนธการ ตอนนี้แสงทองผ่องเรื่อไรก็พอแพลมๆให้เห็นบ้างแล้วว่าไหม?
บวกกับดวงเมือง โหรฟองสนานก็เผยให้เห็นภาพรวมๆ ไปแล้ว ไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่ฝ่ายอยากให้มีต้องการหรอก
จะมีก็แต่อะไรๆที่มีแต่จะดีวันดีคืนไปข้างหน้าเรื่อยๆเท่านั้น!
วันก่อนก็เห็นข่าวว่า ประธานาธิบดีแห่งสาธารณประชาธิปไตยประชาชนจีน ท่าน สี จิ้น ผิง เปิดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้สะดวกขึ้นแล้ว
เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวปีนี้ก็พอรู้แล้วว่า ทะลักล้นแน่ๆ ขนาดรัฐบาลจีนเข้มเรื่องคุมโควิด ไม่เปิดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศมาเป็นปี
ประเทศไทยก็ไม่ถึงกับย่ำแย่นะ ว่ากันอย่างเป็นธรรม ก็มีรายได้ไหลเข้าประเทศให้เพื่อนบ้านรอบๆเนี่ย นอนเอาน้ำแข็งประคบตาทุกคืนเลยนะ!
หรือไม่ต้องอื่นไกล ดูวงการบันเทิงแขนงภาพยนตร์ก็ได้ ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว มีบริษัทสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุนถ่ายทำในไทยมากถึง 42 เรื่อง
เงินสะพัดไปทั่วหลายจังหวัด แล้วปีนี้แค่มกราคมเดือนเดียว จากรายงานของกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พบว่ามีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุนถ่ายทำในไทยไปแล้วถึง 34 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท..
ในภาวะแบบนี้ก็เป็นธรรมดาที่นายกฯลุงตู่จะให้รู้สึกปลื้มปีติ จนต้องเอ่ยปาก.. เชื่อมั่น มาตรการส่งเสริมการทำหนังต่างประเทศในประเทศไทย
จะเป็นอีกหนึ่งในการที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและคุ้มค่า เพราะรายได้ที่ได้รับจะส่งถึงประชาชนในพื้นที่!
แล้วอะไรล่ะ คือเสน่ห์ทำให้บริษัทสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศนิยมมาถ่ายทำในไทย?
เอาไว้..พรุ่งนี้คุยกันต่อครับ!