สันต์ สะตอแมน
จะค้าน-จะเชียร์ต้องรับฟังข้อมูลจากผู้รู้ (จริง)!
แต่..ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ในนาม “คณะหลอมรวมประชาชน” กับผู้ติดสอยห้อยตาม เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คัดค้านมติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย
ให้ต่างชาติสามารถซื้อบ้านและถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท นั้น
บอกตามตรง แม้จะเป็น “กองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์” แต่ผมก็ไม่เคยจะกล่าวหานายชวนขายชาติ หรือนายทักษิณขายชาติ..
กับกรณีการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวฯ มาก่อนเลย!
ฉะนั้น..ถ้าผมจะมุดหัว ไม่ยินดี-ยินร้าย หรือปล่อยให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทำเรื่องนี้ได้ อุดมการณ์-มาตรฐานในตัวผม ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรไป
ที่สำคัญ..ผมสดับฟังและชั่งน้ำหนัก ระหว่างฝ่ายที่ออกมาคัดค้านร่างกฎกระทรวง กับฝ่ายที่สนับสนุนแล้ว ถ้าตัดเรื่องหน้าตา-บุคลิกออกไป ผมดูจะให้ความเชื่อถือฝ่ายหลังเสียมากกว่า
ยิ่งเฉพาะนายจตุพร-นายนิติธรและคณะผู้ติดตามด้วยแล้ว คัดค้านน่ะแสดงได้ แต่จะให้มีผลเป็นจริงเป็นจัง หรือมีคนรับฟังเห็นด้วย-คล้อยตาม เห็นจะไปหวังอะไรไม่ได้ ..
ไม่ใช่เขาไม่เชื่อถือ เพียงแต่เขายังไม่มีข้อมูลที่มีน้ำหนักมากพอให้รู้สึกว่า.. “การให้ต่างชาติสามารถซื้อบ้านและถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่
แลกกับการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท” ที่มีมาแต่ครั้งนายทักษิณ จะเป็นการ “ขายชาติ” ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม การที่นายจตุพรและนายนิติธรลั่นวาจา.. “เราจึงจะคัดค้านการเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด”..
ก็เป็นสิทธิโดยชอบ เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรใคร ยกเว้นปลุกระดมกันลงถนนเท่านั้นแหละ!
พูดถึง “ปลุกระดม” วานนี้ได้ยินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ไปร่วมวงพูดคุยและตอบคำถามของสื่อมวลชน
ถึงมุมมองต่อของการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือ “สุราก้าวหน้า” ที่กำลังจะมีการพิจารณาในวาระที่ 2 โดยสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 2 พ.ย.-วันนี้
โดยช่วงหนึ่งนายธนาธรว่า.. “ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงขอแรงสนับสนุนจากคนไทยทุกคนที่เห็นด้วย ช่วยกันส่งเสียง แสดงจุดยืน กดดันไปยังผู้แทนของทุกคน
และต้องขอความสนับสนุนจากทั้งพรรคร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลด้วย การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ที่ส.ส.ทุกคนจะได้มาโหวตโดยเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนมากกว่าความเป็นฝักฝ่าย นี่คือการเมืองที่ทุกคนอยากเห็น”
ครับ..เห็นด้วย “นี่คือการเมืองที่ทุกคนอยากเห็น” แต่ด้วยปากของนายธนาธรที่แข็งกร้าว-อีโก้ เอาแต่ได้-เอาแต่ใจ สร้างแต่วาทกรรมให้เกิดความแตกแยกในสังคมมาตลอด
จึงไม่แน่ใจว่า ทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาลจะร่วมมือ-ร่วมใจสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน กระทั่งประชาชนก็เถอะ แม้จะเห็นด้วยกับ “พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า”..
แต่เมื่อเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล ภาพ-เหตุการณ์ต่างๆ ก็จะผุดขึ้นในหัว ทำให้รู้สึก.. “ถอยดีกว่า..ไม่เอาดีกว่า” ตามมาทันที!
แหม..เวลาตัวเองอยากได้ก็อ้าง “เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน” แต่ทีประชาชน-พรรคอื่นเรียกร้อง-ขอร้องอย่ายุ่งกับสถาบัน..
ทำไม พวกสูไม่ฟังกันบ้าง (วะ)?