กรมการแพทย์ผิวหนังแนะนำ วิธีการดูแลผู้ป่วย “โรคน้ำกัดเท้า” ในช่วงหน้าฝน

กรมการแพทย์ โดย สถาบันโรคผิวหนัง ชี้โรคน้ำกัดเท้า ปัญหาผิวหนังที่มาในช่วงหน้าฝน พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้มีปัญหาโรคน้ำกัดเท้า ควรหลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำนานๆ

ควรทำความสะอาดเท้า ง่ามเท้า ขอบเล็บทุกครั้งหลังลุยน้ำด้วยน้ำและสบู่ และเช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมอ ถ้ามีอาการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์  และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงหน้าฝนหรือในพื้นที่อุทกภัยมีน้ำท่วมขังมักจะมีปัญหาสุขภาพตามมาได้เสมอ  ไม่ว่าจะเป็นโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่พบบ่อย เช่น โรคพยาธิไชเท้า โรคฉี่หนู ผื่นผิวหนังอักเสบ แมลงหรือสัตว์มีพิษกัดต่อย เป็นต้น รวมถึงโรคผิวหนังบางโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ในช่วงหน้าฝน คือ โรคน้ำกัดเท้า ซึ่งถือเป็นโรคที่ประชาชนไม่ควรละเลย และควรมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองอย่างถูกวิธี เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่างๆ ที่จะตามมาได้ โรคน้ำกัดเท้าเกิดจากการระคายเคืองทางผิวหนัง โดยจะมีลักษณะโรคได้หลากหลาย ได้แก่ มีการอักเสบ ระคายเคืองและติดเชื้อ ขึ้นกับช่วงเวลาหรือความถี่ที่ผิวหนังสัมผัสน้ำ ผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ เซลล์ผิวหนังจะอุ้มน้ำ ทำให้บวมและเปื่อยฉีกขาดได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น ง่ามนิ้วเท้า จึงควรสังเกตอาการ หากมีความผิดปกติให้รีบพบแพทย์เฉพาะทาง ไม่ควรซื้อยามาทาหรือรับประทาน เพราะอาจเกิดอันตรายได้

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคน้ำกัดเท้า จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

ระยะแรก เกิดในช่วง 1-3 วันแรก  ผิวหนังจะเปื่อยเมื่อแช่น้ำ ผิวมีลักษณะแดง มีอาการ คัน แสบ ในระยะที่สอง ช่วง 3-10 วัน อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ผิวหนังในระยะนี้จะมีอาการแดง บวม ปวดเจ็บ มีหนองหรือน้ำเหลืองซึม สำหรับระยะสุดท้าย เกิดขึ้นในช่วง 10-20 วัน

ถ้าผิวหนังแช่น้ำต่อเนื่อง จะมีลักษณะแดง คัน มีขุยขาว เปียกและเหม็น ผิวหนังจะเปื่อยเป็นสีขาว อาจเป็นการติดเชื้อรา อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้า แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้


1.หลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำนานๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่รองเท้าบูท และเมื่อขึ้นจากน้ำให้ล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ เช็ดเท้า ง่ามนิ้วเท้าให้แห้งอยู่เสมอ และทาครีมบำรุงผิว

2.ถ้ามีผื่นแดงเล็กน้อยคัน แสบ ควรทายากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น 0.02% Triamcinolone cream วันละสองครั้งจนผื่นหาย

3.ถ้ามีผื่นและมีรอยเปื่อยฉีกขาดของผิว มีอาการบวมแดง ปวดเจ็บ หรือมีหนอง ซึ่งเป็นอาการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์

4.ถ้าเท้าแช่น้ำนานหลายสัปดาห์ต่อเนื่องอาจจะทำให้ผิวหนังติดเชื้อราที่ง่ามนิ้วเท้าเกิดเป็นผื่นขุยเปียกขาว ควรใช้ยาทารักษาเชื้อรา เช่น ขี้ผึ้งวิธฟีล (Whitfield’s ointment) หรือโคลไทรมาโซลครีม (Clotrimazole cream)

5.ถ้ามีบาดแผลควรทำแผลและทายาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน (Betadine)

6.ควรระวังการตัดเล็บเท้าเพราะอาจทำให้เกิดบาดแผล ซึ่งจะเป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้

และสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้า ควรทำความสะอาดเท้า ง่ามเท้า ขอบเล็บทุกครั้งหลังลุยน้ำด้วยน้ำและสบู่ และเช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมอ

Written By
More from pp
ปรับ ครม. แค่ปรับ “นายกเศรษฐา” ออกคนเดียวพอ เพราะผลงานน้อยกว่ารัฐมนตรี
19 เมษายน 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีค่อนข้างร้อนแรง สะท้อนว่าการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แม้จะไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ...
Read More
0 replies on “กรมการแพทย์ผิวหนังแนะนำ วิธีการดูแลผู้ป่วย “โรคน้ำกัดเท้า” ในช่วงหน้าฝน”