กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชี้สัญญาณเตือนมะเร็งปอด ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ ปอดติดเชื้อบ่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
แนะประชาชนตรวจคัดกรองมะเร็งปอด หากพบระยะเริ่มต้นและเข้ารับการรักษาตั้งแต่แรก ๆ ช่วยลดความเสี่ยงและลดการเสียชีวิตลงได้
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมาก เป็นอันดับที่ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง
สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลก 2 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิต 1.7 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นวันละ 42 คน (Cancer in Thailand Vol. IX 2013-2015)
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอด คือ การสูบหรือรับควันบุหรี่ พันธุกรรม และการสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของมะเร็งปอดที่พบบ่อย ได้แก่ ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ ปอดติดเชื้อบ่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ที่มีประสิทธิภาพในระดับประเทศ แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจ คัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี
การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ดังนั้น การตรวจคัดกรองในรายที่เสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งปอด จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถค้นพบผู้ป่วยระยะเริ่มต้นให้ได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและลดการเสียชีวิตลงได้
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันมะเร็งปอด คือ “เลิกสูบบุหรี่” เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัวและสังคมรอบข้าง หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์