“สัมฤทธิ์” เห็นด้วยตั้ง กมธ.วิสามัญติดตามเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ฝากดูแลประชาชนที่ตกหล่นไม่ได้รับสิทธิ์จากการเยียวยา

11 มิ.ย.63 นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3 กล่าวถึงญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวน 1 ล้านล้านบาท ซึ่ง พ.ร.ก.นี้กำหนดไว้ 3 แผนงาน โดยแผนงานแรกไม่มีอะไรต้องตรวจสอบเพราะเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อเข้าไปเยียวยาพี่น้องประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ซึ่งช่วยเหลือเยียวยาไปแล้วเกือบ 30 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เกือบ 16 ล้านคน กลุ่มพี่น้องเกษตรกรเกือบ 10 ล้านคน และกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้พิการ เกือบ 7 ล้านคน เป็นงบประมาณที่จับใส่มือจับใส่กระเป๋าให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ส่วนที่สอง เป็นงบประมาณเกือบ 45,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณส่งเสริมเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ได้แก่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน และการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ อสม. และในส่วนแผนงานที่สาม คือ งบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท


ส่วนนี้ต้องขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนที่ได้ตั้งข้อสังเกตและกังวลต่อความโปร่งใสและมาตรการในการดำเนินงาน ซึ่งในส่วนนี้ต้องนำเรียนว่ามาตรการการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐก็มีหลายช่องทางที่ดำเนินการตรวจสอบอยู่รวมถึงการตรวจสอบของหน่วยงานต่าง ๆ และพี่น้องประชาชนที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนนี้เป็นเรื่องที่พวกเราต้องเข้าไปช่วยกันติดตามเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และคุ้มค่ามากที่สุด

ส่วน พ.ร.ก.ฉบับที่สอง ที่เข้าไปช่วยวิสาหกิจขนาดกลาง หรือขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้มีสภาพคล่องในการเพิ่มเติมสินเชื่อ และยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป ในวงเงินอีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องนำเรียนว่า ถ้าปล่อยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีปัญหาในการดำเนินธุรกิจซึ่งเป็นธุรกิจฐานรากก็จะนำปัญหามาสู่ประเทศแน่นอน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของการจ้างงาน และ พ.ร.ก.ฉบับที่สาม ในวงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะเข้าไปเสริมสภาพคล่องเรื่องตราสารหนี้ เรื่องของหุ้นกู้ กับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ

นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ผมเห็นด้วยกับมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะออกมา หากเราดูผลลัพธ์จากตัวเลขผู้ติดเชื้อ ตัวเลขของผู้เสียชีวิตในประเทศของเราเทียบกับประเทศอื่น ๆ เราต้องยอมรับว่ามาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ออกมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แต่ถ้ามองในภาพรวมที่เกิดขึ้นกับการกู้เงินของรัฐบาลชุดนี้กับรัฐบาลในชุดก่อน ๆ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ถ้าเปรียบเทียบเงิน 1 ล้านล้านบาท กับความปลอดภัยในสุขภาพของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศเกือบ 70 ล้านคน ถือว่าไม่สูงเลยเพราะเกือบครึ่งหนึ่งนำไปเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าทุก ๆ คนในสภาแห่งนี้มีแนวคิดไปในทางเดียวกันที่อยากให้การใช้งบประมาณของรัฐบาลตาม พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ เป็นไปด้วยความโปร่งใส รอบคอบ รัดกุม แต่ในส่วนหนึ่งก็ต้องเห็นใจรัฐบาลเพราะในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะหยุดชะงัก และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องคนไทย ความบอบช้ำที่จะเกิดขึ้นกับทั่วโลก เศรษฐกิจจะเกิดอะไรขึ้น

ผมขอฝากท่านประธานไปถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญคณะนี้ ขอให้ใช้เวลาในการตรวจสอบงบประมาณในครั้งนี้ ขอให้ใช้เวลาไปดูเรื่องของพี่น้องประชาชนในกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงการเยียวยาของภาครัฐ ตกหล่น ไม่ได้รับสิทธิ์ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุม ขอให้ทุกคนคิดถึงประชาชนเป็นหลัก และขอให้สมาชิกทุกคนเห็นพ้องต้องกันในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณจ่ายเงินกู้ 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท


Written By
More from pp
‘กมธ.ศึกษาฯสถานบันเทิงครบวงจร สว.’ จับพิรุธ ‘รัฐบาล’ เร่งตั้ง ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ เข้าข่ายทำผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ขู่เจอยื่นศาลรธน.แน่ หากมีการเสนอร่างกฎหมาย ตะเพิดถอนกฎหมายออกจากวาระ แล้วค่อยเสนอมาใหม่ หากรอบหน้าได้กลับมา
26 มิถุนายน 2568 เมื่อเวลา13.00น. ที่รัฐสภา นายวีระพันธ์ สุวรรณามัย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แถลงถึงผลการพิจารณาศึกษานโยบายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาลว่า...
Read More
0 replies on ““สัมฤทธิ์” เห็นด้วยตั้ง กมธ.วิสามัญติดตามเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ฝากดูแลประชาชนที่ตกหล่นไม่ได้รับสิทธิ์จากการเยียวยา”