เปลว สีเงิน
นี่แค่ผลสอบจาก “แพทยสภา” ออกมาเท่านั้นนะ
ว่าป่วยวิกฤตด้วยโรคร้ายแรงอะไรกันนักหนา มดหมอรักษาถึง ๖ เดือนก็ยังไม่ยอมหาย?
ตอนเข้ามาอาการเหมือนห่าจะกิน แต่พอได้พักโทษ กลับไปนอนบ้านเท่านั้นแหละ กระดี๊-กระด๊าเหมือนไก่จะบิน
ทุกโรค “หายเกลี้ยง” ทั้งวิกฤตไม่วิกฤต!?
เพียงแค่ผลสอบจริยธรรมแพทย์….
รัฐบาล รัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย รวมถึงข้าราชการ ยังมีอาการเหมือนตอนแผ่นดินไหว เมื่อ ๒๘ มีนา.
ผวา “อาฟเตอร์ช็อก” จนไม่อยากขึ้นตึกไปทำงาน!
ขั้นลงดาบ “จริยธรรมแพทย์” ยังสะท้าน-สะเทือนไปถึงสันหลังอสูร
แล้วต้องเจออีก ๒ ดาบ “ในขั้นอาญา” เดิมพันด้วยโทษคุก คือดาบ ป.ป.ช. ป่านนี้คนราชทัณฑ์ที่รู้การกระทำของตัว คงสวิงสวาย หัวใจสั่น คล้ายจะเป็นลมกันเป็นแถวๆ
และดาบสุดท้ายที่สำคัญ คือ ดาบจาก “ศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ท่าน “นัดพร้อม” ทั้งโจทย์-จำเลยในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ทั้งหมอ ทั้งราชทัณฑ์ ทั้งทักษิณ คงกินไม่ได้-นอนไม่หลับ กว่าจะถึง ๑๓ มิถุนา. น้ำหนักแต่ละคน น่าจะลดคนละหลายโล!
ยิ่งมี “มติแพทยสภา” เป็นสารตั้งต้นอย่างนี้ด้วยแล้ว สันติสุข ๓ จังหวัดใต้ ก็ดี สันติภาพในพม่า ก็ดี ไทยรอดจากกำแพงภาษีทรัมป์ ตามราคาคุยทักษิณก็ดี
ทักษิณคงต้องให้คำปรึกษาประธานอาเซียนผ่านซี่ลูกกรงแล้วละ เพราะขอศาลออกนอกประเทศ ๒ ครั้งแล้ว ศาลก็ไม่อนุญาตทั้ง ๒ ครั้ง!
เพราะประวัติมันเคยมี ขออนุญาตไปดูโอลิมปิกที่จีน จนโอลิมปิกจีนเลิกไปแล้ว ๑๗ ปี ถึงเซซังกลับมาสารภาพโทษต่อศาลว่า “โกงบ้าน-กินเมือง” จริง
ทั้งที่ตอนอยู่นอกประเทศ ด่าบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเช้า-เย็น ไม่เว้นสถาบันศาลว่า “ยุติไม่เป็นธรรม” บ้าง ไม่ยอมรับอำนาจศาลบ้าง
เป็นโอกาสของชีวิตหนักหนาแล้ว ที่ได้กลับมาตัวเป็นๆ ทั้งได้รับพระราชทานอภัยโทษคุก จาก ๘ ปี เหลือ ๑ ปี
เป็นคนทั่วไป แค่นี้ก็บุญท่วมหัว สุดแสนจะสำนึก
แต่นี่…กูใหญ่ กูไม่ยอม กู…ทักษิณ ติดคุกวันเดียวก็ไม่ยอม
ด้วยการเมือง “รัฐบาลของข้า” ต่างสวามิภักดิ์และข้าราชการสอพลอ หวังลาภยศ ทำให้ทักษิณเป็น “นักโทษเทวดา”
เมื่อมึงไม่ยอม พวกกู….ถึงเป็นสามัญชนต่ำศักดิ์ แต่รักชาติและความเป็นธรรม ก็ไม่ยอมมึง!
เมื่อเสียงกู่ร้องปองธรรมดังก้องประเทศ แต่อสูรที่ครอบงำชาติกลับตบมือฉาดๆ กูมีอำนาจ หาสนไม่
แต่เมืองไทย ทั้งพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระสยามเทวาธิราช ท้าวสักกะเทวราช ท้าวมหาพรหม ท้าวจตุโลกบาล ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อพระกาฬไกรสีห์ ท่านปกปักรักษาตลอด
เมื่อพวกมึง เหิมเกริมแสดงศักดา เป็นผีห่าครองเมือง เป็นกระเบื้องลอยฟู กัดกร่อนบ่อนเซาะ ทั้งซึมแทรกจะแยกแผ่นดิน
ก็ให้เวลา “กลับตัว-กลับใจ” กันมาพอสมควรแล้ว
แต่กลับหาสำนึกกันไม่ ต่างมัวเมาเอาแต่มักใหญ่-ใฝ่สูง ชักศึกนอกเข้ามาเป็นศึกใน หวังบ่อนทำลาย แล้วจะได้แบ่งแผ่นดินกันครอง
เถอะ….
ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ไทยประเภทมารร้ายของแผนดินจะค่อยๆ ถูกกำจัด ถึงกาลวิบัติด้วยเหตุเป็นไปต่างๆ นานา ไม่ว่าอ้ายหรืออีที่กาลีเมือง
ไม่ได้ขู่หรือพูดให้กลัว ประเทศไทยน่ะ ด้วยเทพทั้งจักรวาลคอยพิทักษ์และกำจัดมาร จึงเป็น “ประเทศเดียว” ในอุษาคเนย์
ที่ไม่ตกเป็น “เมืองขึ้นของฝรั่ง” นักล่าอาณานิคม!
อย่างนี้แล้ว จะเป็นได้หรือ ที่ไอ้ลูกหลานจัญไร “อาศัยแผ่นดินเกิด” ไม่กี่ตัว เที่ยวแยกย้ายไปสุมหัวปลุกปั่นชาวบ้าน “ทั้งเหนือ-ใต้” จะให้แยกแผ่นดิน
ระวังเถอะ ตัวเองนั่นแหละ จะ “แยกหัว-แยกตัว” ด้วยเหตุอนันตริยกรรมที่ตัวทำเอง!
คุยเรื่องเครียด เดี๋ยวจะนอนกันไม่หลับ มาคุยเรื่องเบาๆ สบายๆ เป็นรายการ “ขายขำ” กันบ้างดีกว่า
ก็ “เก็บเล็ก-ผสมน้อย” เรื่องป่วย “วิกฤต-ไม่วิกฤต” ที่แต่ละคนออกมาพูด ทั้งก่อนและหลัง “มติแพทยสภา” จะออก เริ่มเลยนะ
………………………………..
“ป่วยจริงผ่าตัดด้วยค่ะ ถ้าให้ตัวดิฉันออกมาพูดถึงความชัดเจนอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี เพราะคนเลือกที่จะไม่เชื่อ
-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
๖ พ.ค.๖๘
…………………..
“ข้อมูลที่เราได้รับ ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เรามีการลงโทษ พักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นการลงโทษขั้นรุนแรง
-ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา
๘ พ.ค.๖๘
…………………………
“ตอนที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นายทักษิณไปอยู่ที่โรงพยาบาล ๑ เดือนแล้ว
…..น่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน เนื่องจากผมไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์เหล่านั้น
-พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
๗ พ.ค.๖๘
……………………………..
“ผมไม่เคยระบุว่านายทักษิณมีอาการ “ป่วยวิกฤต” ตามที่ถูกกล่าวหาในโซเชียลมีเดีย
“ตั้งแต่ต้น ผมพูดชัดว่าท่านป่วย และได้รับการผ่าตัดเท่านั้น ไม่เคยพูดว่าท่านวิกฤตเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
-นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
รายนี้ ขอย้อนไป ๒๐ ก.พ.๖๗ ที่ “นายดนุพร ปุณณกันต์”แถลงอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ
และดูซิ ที่พูดวันนี้กับที่พูดวันนั้น “ตรงกัน” มั้ย?
“จากการที่ผมได้สอบถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงอาการป่วยของนายทักษิณ
ทราบว่า ก่อนที่นายทักษิณจะกลับประเทศไทย ได้ป่วยด้วยโรคโควิดถึงสามรอบ
โดยรอบแรกติดเชื้อช่วงที่อู่ฮั่นระบาด ทำให้มีอาการหนักถึงขั้นเข้าไอซียูเป็นเดือน ดังนั้น ปอดจึงไม่สามารถใช้งานได้ ๑๐๐% เหมือนบุคคลทั่วไป
จากนั้น ได้ป่วยด้วยโควิดอีกสองรอบ ทำให้อดีตนายกฯ มีอาการลองโควิดเยอะมาก เพราะเป็นผู้ป่วยที่มีอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว
และนายดนุพรบอกผู้สื่อข่าวหลังการแถลงว่า…….
“ปอดนายทักษิณเป็นฝ้า และไม่มีทางจะกลับมาหายใจได้ปกติอีก
ส่วนที่ “ดามคอ” เพราะเป็นโรค “กระดูกคอเสื่อม”
ผลจากการตรวจละเอียด หรือ MRI ที่โรงพยาบาลตำรวจ ทางโรงพยาบาลแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งเป็นไปตามวัย
แต่นายทักษิณขอออกมาก่อน แล้วค่อยกลับเข้าไปรักษาตัวอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่คล้องเฝือกแขนเพราะเป็นโรค “เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย”
ต้องได้รับการกายภาพไม่ต่ำกว่า ๑ ปี จึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ซึ่งโรคนี้ เป็นโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ ส่วนที่ทำให้หายช้า เพราะตลอด ๖ เดือนที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ แทบไม่สามารถออกกำลังกายได้เลย ทำให้ร่างกายร่วงโรยเร็วกว่าคนที่ออกกำลังกายได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ระหว่างรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับการผ่าตัดเพื่อให้เส้นเอ็นเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
ดังนั้น ขอฝากไปถึงหลายคนที่ห่วงใยอาการของนายทักษิณ ซึ่งท่านพยายามรักษาตัว และพบแพทย์ตลอด เพื่อให้อาการทุเลา และกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
“ทราบดีว่า มีทั้งคนที่ชอบ และจ้องจะจับผิด ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเคยเป็นนักการเมืองและเป็นอดีตนายกฯ ก็จะมีคนพูดถึงทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
ผมขอสื่อสารไปถึงคนที่รัก และห่วงท่านรวมถึงครอบครัวท่าน ยืนยันว่า “มีอาการเจ็บป่วยและ “อาการหนัก” จริง
จะพยายามรักษาตัวให้แข็งแรงที่สุด และกลับมาเพื่อใช้ความรู้ความสามารถของท่าน คอยแนะนำนักการเมืองที่จะทำเพื่อประชาชนต่อไป
โดยผมจะอัปเดตอาการของอดีตนายกฯ ทักษิณ จากท่านหัวหน้าพรรคให้ทราบเป็นระยะ”
……………………………..
มาถึง “ควันหลง” ที่ศาลไม่อนุญาตให้ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศบ้าง ราคาคุย+อวย รวยระรื่นดีจัง
………………………………
“งานที่กาตาร์เป็นโอกาสในการพบประธานาธิบดีทรัมป์
ซึ่งไม่ใช่เพียงโอกาสของนายทักษิณ แต่เป็นโอกาสของชาติ เพราะหลายประเทศต่างก็หวังจะได้เจรจากับทรัมป์ แล้วเหตุใดไทยจะไม่อยากมีโอกาสนี้บ้าง?
-วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทักษิณ
………………………………….
“เสียดายโอกาส อยากให้นายทักษิณเจอกับโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนาน
ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องกำแพงภาษี
-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
………………………………..
รายณัฐวุฒิ ถูก สส.ลิซ่า-ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน ย้อนเกล็ดถามว่า
………………………………..
“แล้วพี่่ไม่เสียดายโอกาสที่ประเทศไทยมีแพทองธารเป็นนายกฯ แต่ทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ?
เก็บอาการแล้วแสดงออกอย่างเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ปัจจุบันมากกว่าพ่อท่านนายกฯ หน่อยค่ะ
-ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาขน
…………………………………….
ปิดท้าย ไม่มีอะไรจะแซ่บ “แสบถึงทรวง” ทั้งพ่อ-ลูก เหมือนถูกจามด้วยขวานกลางกระบาลเต็มๆ
……………………………
“แม้วไม่รอดแน่
มติแพทยสภามัดไม่ป่วยจริง
แนะ “อิ๊ง” ยุบสภาหรือลาออก
ไปตั้งหลักต่างประเทศ”
-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
………………………………….
ตะแล้มๆๆ ตะแล้ม..แต่มแต๊ม จบ!
เปลว สีเงิน
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘
