ผักกาดหอม
มีข่าวใหญ่!
แต่กลิ่นออกจะคาวคละคลุ้งไปหน่อย
ตามข่าวบอกว่า เวลา ๒๓.๓๐ น. วันที่ ๑ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา มีการแถลงข่าว
ข่าวอะไร? ถึงได้แถลงกันดึกดื่น
แสดงว่าต้องสำคัญต่อชาติบ้านเมืองอย่างมาก
เปล่าครับ!
วันนั้นพรรคก้าวไกลมีประชุมครับ เป็นการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรค
เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น. ไปจบเอาเกือบเที่ยงคืน
ขยันขันแข็งน่าจะเรียกมาตบรางวัลเรียงตัว
แล้วประชุมเรื่องอะไรกัน?
ทีแรกก็คิดว่าประชุมเตรียมการตรวจสอบรัฐบาล จะลากไส้นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือจะไปลากผู้ป่วยร้ายแรงจากชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจกลับเข้าคุก
แต่เปล่าเลย….
เป็นการประชุมเพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
คือนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี
และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม
สรุปคือ…มันเรื่องของพรรคก้าวไกล เรื่องฉาวโฉ่ คาวราคะ แต่ใช้ห้องประชุมในอาคารรัฐสภาเป็นที่ประชุม
พรรคนี้สร้างความประหลาดใจให้เห็นอยู่ตลอดเวลาจริงๆ
เรื่องของพรรคทำไมไม่ไปประชุมที่ที่ทำการพรรค
มาเบียดเบียนค่าน้ำค่าไฟจากภาษีประชาชนทำไม
สภาผู้แทนราษฎร ปิดสมัยประชุมสภาตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ไปแล้วนะครับ มันไม่มีเหตุประชุมเรื่องส่วนตัวโดยใช้น้ำไฟหลวง
เป็นพรรคการเมือง แยกแยะเรื่องแค่นี้ไม่ออกหรืออย่างไร
เนี่ย…ที่ชอบเรียกร้อง “ภาษีกู” หายหัวไปไหนกันหมด
ประชุมจนจะเที่ยงคืน “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคตั้งโต๊ะแถลงข่าว
ขอโทษเถอะครับ ภาษาของท่านสวยหรูเกินไป จนคนเดินดินฟังไม่ออก ไม่รู้เรื่องว่าจะสื่ออะไร
“…พรรคย้ำคุณค่า และให้ความสำคัญกับการไม่อดทนต่อการคุกคามทางเพศ
แต่ต้องยอมรับว่า ในหลักการคนจะรับรู้ แต่ในทางปฏิบัติความเข้าใจในแต่ละคนไม่เท่ากัน ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่คุกคามทางเพศ
สำหรับเรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค ถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่และอำนาจของตนเองไปมีพฤติการณ์ในการคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่เกิดการปฏิเสธ และดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย
แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน…”
พับผ่าซิครับ… ต้องปีนบันไดไปกี่ขั้นถึงจะเข้าใจความหมายว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดอะไร จะสื่ออะไร
การที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” ยอมรับว่า ในหลักการคนจะรับรู้ แต่ในทางปฏิบัติความเข้าใจในแต่ละคนไม่เท่ากัน ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่คุกคามทางเพศ นี่คือการพูดถึงเฉพาะสมาชิกพรรคก้าวไกลใช่หรือเปล่า
คนนอกไม่เกี่ยว
ดูตามรูปการณ์แล้วคงหมายถึงเฉพาะคนในพรรค เพราะเป็นเรื่องภายในพรรค ที่แอบใช้งบหลวงในการประชุม
ก็ฉิบหายสิครับ!
แสดงว่า สส.และสมาชิกพรรคก้าวไกล มีระดับความเข้าใจเรื่องการคุกคามทางเพศไม่เท่ากัน
นี่้มันคือจริยธรรมขั้นพื้นฐาน สส.และสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่ใช่หมากาไก่นะครับ เพราะทุกคนล้วนพกอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงประเทศมาตุงกระเป๋ากันทั้งนั้น
แล้วทำไมแยกเรื่องคุกคามทางเพศ กับไม่คุกคามทางเพศ ไม่ออก
ถาม “ชัยธวัช ตุลาธน” อีกประโยค
“…กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน…”
มันคืออะไร?
เกี่ยวอะไรกับอำนาจ
กำลังงงอยู่ว่า ถ้าฝ่ายละเมิดกับฝ่ายถูกละเมิดต่างเป็น สส. แบบนี้อำนาจเท่าเทียมกันใช่หรือเปล่า
ถ้าเท่าเทียมกัน ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร
หรือหากนักเลงปากซอยไปคุกคามทางเพศ สส.หญิง จะเรียกว่าอะไร ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันหรือไม่
คงจะติดภาษาจากนิตยสารฟ้าเดียวกันเยอะไปหน่อย
การคุกคามทางเพศ มันไม่ได้กำหนดจากอำนาจ หรือความเท่าเทียม แต่มันเป็นเรื่องจริยธรรม คนไม่มีอำนาจ แต่จริยธรรมทราม ก็ทำเรื่องทำนองนี้มาเยอะแล้ว
กลับกันคนมีอำนาจ แต่มีจริยธรรม เขาก็ไม่แสดงความหื่น
แล้วจะเอาอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน มาสรุปเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
พูดถึงอำนาจเท่าเทียม พรรคก้าวไกลก็ถูกตั้งคำถามเยอะครับ
เพราะกรณีของ นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมแอบใช้น้ำไฟหลวง มีมติให้ขับออกจากพรรค
ส่วนนายวุฒิพงศ์ เสียงไม่ถึง ขับไม่ได้ ทำได้แค่จะตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค
คุกคามทางเพศเหมือนกัน แต่ลงโทษไม่เท่ากัน
หรือคุกคามทางเพศมีหลายระดับ
คุกคามเยอะก็ขับพ้นพรรค
คุกคามน้อยหน่อยให้อยู่ต่อ แต่ตัดสิทธิ์บางประการ
อิหยังวะ!
แต่…ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศกันแล้ว
จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมจริงๆ
