เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการสัมมนาหัวข้อ “โอกาส ความหวัง การเมืองวิถีใหม่” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต วาระครบรอบ 70 ปี ของ “นสพ.สยามรัฐ” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมเสวนาโดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า
การเมืองวิถีใหม่ คือ การเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เป็นความหวัง แข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงาน โปร่งใส สุจริตทุกระดับ ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ให้โอกาสคนทุกรุ่นที่มีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ มาร่วมทำงานร่วมคิดร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ทำได้จริง และอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อวันนี้และวันหน้า สามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง และสร้างจุดเปลี่ยนประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า
“การเลือกตั้งครั้งหน้า ควรแข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงานตามแนวทางการเมืองวิถีใหม่ โดยต้องก้าวข้ามความขัดแย้งแตกแยกแบ่งขั้วทางการเมือง แบบสุดโต่ง ที่ทำให้ประเทศติดหล่ม จมปลักวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทก์มากว่า 20 ปี การเลือกตั้งต้องสร้างโอกาสและความหวังให้กับประชาชน และต้องเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตสะท้อนอำนาจของประชาชน “
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งในปีหน้า จะแข่งขันกันอย่างเข้มข้นรุนแรงมากกว่าในอดีตเต็มไปด้วยความขัดแย้งแบ่งขั้ว และใช้ปัจจัยทุกอย่างเพื่อชนะการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำพาประเทศสู่วิกฤติไม่รู้จบ พรรคประชาธิปัตย์ยุคอุดมการณ์-ทันสมัย ได้ถอยออกจากวังวนของความขัดแย้งสุดโต่ง 2 ขั้ว มากว่า 3 ปีแล้ว เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ มุ่งหน้าทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนด้วยแนวทาง “เศรษฐกิจเหนือการเมือง”
โดยเฉพาะในยามที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติซ้อนวิกฤติ คือ การแพร่ระบาดของโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากเกิดวิกฤติการเมืองซ้ำเติมประเทศอีก ประชาชนจะอยู่อย่างไร เราต้องช่วยกันถอนฟืนออกจากกองไฟ คู่ขัดแย้ง 2 ขั้วควรถอยคนละก้าวให้โอกาสประเทศ และประชาชนบ้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว ไม่เอาการเมืองแบบแบ่งขั้วสุดโต่ง ไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งและเคารพความแตกต่างทางความคิดความเชื่อทางการเมือง ยึดมั่นในระบบรัฐสภา ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข