สันต์ สะตอแมน
คดีแตงโมไปถึงไหนแล้ว?
นี่..ผมไม่ได้ถาม แต่เพื่อนคนหนึ่งในวงข้าวมันปรารภ ซึ่งเพื่อนอีก 3-4 คน ก็ได้แต่นั่งมองหน้ากันไร้ซึ่งคำตอบ และในท่ามกลางความเงียบชั่วขณะ..
ผมได้เอ่ย.. “มึงจะถามไปทำไม เพราะขนาดตำรวจเจ้าของคดีแท้ๆ ก็ยังบอกกับสังคมไม่ได้เลย แล้วเราที่ห่างศพ-ไกลจากแม่-จากเพื่อนของเธอจะไปรู้อะไรได้..
ยิ่งเวลานี้ สังคมเริ่มเลือนลืม สื่อเลิกสนใจ แล้วจะไปรู้เรื่องข่าวคราวเอาจากที่ไหน แต่ก็ดีแล้วที่มึงปรารภขึ้นมา อย่างน้อยก็ทำให้กูนึกขึ้นได้..
ไม่ใช่แต่เฉพาะคดีแตงโมดารา-นักแสดงสาวหรอก ยังมี “ลุงพล-น้องชมพู่” อีกคดีที่เหมือนจะถูกลืมหายไปจากสื่อ-จากสังคมเช่นกัน”!
จำได้คลับคล้ายคลับครา “ทนายตั้ม” คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้พูดเอาไว้ทำนองว่า.. “ผมขอไม่ตอบว่าใครฆ่าน้องชมพู่ แต่ลุงพลยกฟ้องแน่นอน เพราะไม่มีหลักฐานว่าลุงพลกระทำผิด” ประมาณนี้
“แล้วทำไม่มันอืดอาดยืดยาดจังวะ หรือว่าเขาปิดคดีไปแล้วพวกเราไม่รู้ แต่มึงน่าจะรู้นะ” เพื่อนอีกคนมองมาทางผม
“กูทำข่าวบันเทิงโว้ย ไม่ได้อยู่ฝ่ายอาชญากรรม จะตามข่าวลุงพลก็เฉพาะในช่วงที่สื่อ 2 ช่องหลัก เขาร่วมกันโปรโมทให้เป็นนักร้อง-เป็นพระเอกเท่านั้นแหละ” ผมรีบออกตัว
“แล้วเวลานี้ลุงพลอยู่ในวงการ เป็นนักร้อง เป็นดาราหรือเปล่า” ไม่รู้เพื่อนมันจะอยากรู้อะไรนักหนา และเพื่อตัดปัญหา ผมเลยบอก..
“กูไม่รู้เรื่องลุงพล กูรู้แต่ว่า 2 ลุงกำลังเล่นละครให้นักการเมืองดู555”
“เออ..แล้วคดีสมปอง อดีตพระนักเทศน์ ที่รุกป่าสงวนกว่า 200 ไร่ล่ะ” เพื่อนอีกคนที่เงียบโพล่งขึ้นมา คราวนี้ผมนิ่งปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนร่วมโต๊ะคอมเมนต์บ้าง
“เงียบเป็นเป่าสากเลย ตอนแรกก็เห็นขึงขังเอาจริงเอาจังจนกูเชื่อว่าเสร็จแน่สมปองเอ๊ย อยู่ในวัดสุข-สบายจะตาย จะออกมาติดคุกทำไม..
แต่ เอาเข้าจริงสมปองที่ไม่ใช่น้องสมชาย ก็ยังอยู่สุขสบายดี ขนาดเจ๊ติ๋มอดีตโยมอุปัฏฐากก็ไม่ได้ตามตอแยแต่อย่างใด”
“เอ้า..แล้วคดีฟอรง-ฟอเร็กซ์ล่ะจะมีดาราติดคุกบ้างไหม” ผมถามลอยๆ ไม่ได้เจาะจงใคร ก่อนที่เพื่อนคนแรกที่ถามคดีแตงโมจะย้อน..
“มึงพอจะดูออกอยู่แล้วนี่ ตอนนี้พิ้งกี้ก็ได้ประกันตัวออกมาอยู่นอกคุกแล้วมิใช่เรอะ ส่วนอดีตนักร้องสั้นเสมอหูก็ได้ยินแว่วๆ ว่าหลุดแน่ แต่ผัวยังลูกผี-ลูกคน..
ซึ่งใจกูคิด คดีนี้ดาราที่มีชื่อเกี่ยวข้องมีสิทธิ์หลุดหมด หรือถ้าไม่หลุดก็ไม่ติดคุก”
“อะไรของมึง ไม่หลุดก็ต้องติดคุกสิวะ” ผมมองหน้าคนพูด.. “ทักษิณหลุดไม่ล่ะ ยิ่งลักษณ์หลุดไม่ล่ะ แล้วสองคนทำไมไม่ติดคุกล่ะ โง่จริงมึงเนี่ย”
“เอ้า..เชี่ย ก็มึงพูดให้ชัดสิ หมายความว่าคดีนี้จะมีคนหนีออกนอกประเทศว่างั้น”?
“แน่นวลล..ใครจะโง่เหมือนตู้ห่าวที่เดินเข้าไปหาตำรวจให้เขาจับใส่คุกล่ะ มีเงินก็ต้องหนี ดูพี่น้องเค้าสิ ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนชิลลๆ สบายๆ”
“งั้น..เอางี้ เรามาคอยตามดูคดีนี้กันดีกว่า” เพื่อนอีกคนว่า..“คดีไร”… “ก็คดีรุกป่าสงวนกว่า 2 พันไร่ของตระกูลจึงไง มึงลืมไปแล้วเหรอ”?
“อ่อๆ..กูเกือบลืมไปแล้ว เพราะมันเงียบเสียจนนึกว่าไม่มีคดีนี้อยู่ในสารบบ ว่าแต่มึงพนันกูไหม ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว..” ไม่ทันที่จะพูดจบเพื่อนอีกคนแทรก..
“อีกแล้ว..คราวก่อนมึงก็พนันขี้หมากองเดียว”.. “เฮ้ย ไม่ใช่กู มึงจำผิดคนแล้ว นั่นมันเจ้าของคอกหมา กูเพิ่งพูด..เอาไหม..คดีรุกป่ารอดหมด”
“ดูท่า..กูก็ว่าอย่างนั้น” ผมสอด ก่อนจะยกแก้วขึ้นชน..
“เฮ..ประเทศไทยจงเจริญ”!