ผักกาดหอม
พูดยาวๆ ก็เป็นเหมือนกันนะ
วานนี้ (๑๑ พฤศจิกายน) พรรคพลังประชารัฐจัดสัมมนา มี ส.ส.ตบเท้าเข้าร่วมรวมแล้วกว่า ๘๐ ชีวิต กับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มากันล้นโรงแรมรามาการ์เดนส์ ย่านวิภาวดีรังสิต
“ลุงป้อม” มองข้ามช็อตไปแล้ว
จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง!
“ก็เราหวังอย่างนั้น เราตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะมาบริหาร มาทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง”
ถามว่ามีโอกาสมั้ย?
มีครับ
โอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ ๑ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ใช่ว่าจะปิดประตูตายไปเสียทีเดียว
ขณะนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐบวก ส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์มีอยู่ประมาณ ๑๐๐ คน
พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.เขตอย่างเดียวประมาณ ๑๓๐ คน
“ลุงป้อม” ต้องไปทำการบ้านอย่างหนักหน่วง หาวิธีเอาชนะพรรคเพื่อไทยให้ได้ ในระบบการเลือกตั้งแบบบัตร ๒ ใบ
คราวที่แล้วพรรคเพื่อไทยถูกอั้นไว้เพราะ ส.ส.เขตเต็มพิกัด ไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว
คราวนี้มาครบ!
ย้อนกลับไปพรรคระบอบทักษิณตั้งแต่การเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ ถึงปี ๒๕๖๒ ชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ ๑ ทุกครั้ง
แลนด์สไลด์ภาคอีสานทุกครั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้ง สำหรับการเลือกตั้งครั้งถัดไป มีทั้งสิ้น ๔๐๐ เขตเลือกตั้ง
ภาคเหนือ ส.ส. รวม ๓๙ คน จากเดิม ๓๓ คน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส.ส. รวม ๑๓๒ คน จากเดิม ๑๑๖ คน
ภาคกลาง ส.ส. รวม ๑๒๒ คน จากเดิม ๑๐๖ คน
ภาคตะวันออก ส.ส. รวม ๒๙ คน จากเดิม ๒๖ คน
ภาคตะวันตก ส.ส. รวม ๒๐ คน จากเดิม ๑๙ คน
ภาคใต้ ส.ส. รวม ๕๘ คน จากเดิม ๕๐ คน
ส่วน กรุงเทพฯ กลับมาเป็น ๓๓ คน จากเดิม ๓๐ คน
เห็นตัวเลขเก้าอี้ ส.ส.ที่อีสานมั้ยครับ
ตามสถิติพรรคอันดับหนึ่งคือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในภาคอีสาน
แต่การเลือกตั้งปี ๒๕๓๕/๒ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคลำดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่พรรคที่ชนะการเลือกตั้งในภาคอีสาน
และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ พรรคที่ไม่ชนะการเลือกตั้งในภาคอีสาน แต่ได้เป็นพรรคชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ ๑
และเป็นครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ ๑ และได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน
การเลือกตั้งครั้งนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจคือ หากพรรคพี่เขยน้องเมียไม่แข่งกันเอง ยากมากที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นเบอร์หนึ่ง
พรรคประชาธิปัตย์ ขณะนั้นนำโดย “ชวน หลีกภัย” ได้ ส.ส. ๗๙ ที่นั่ง
พรรคชาติไทย ของพลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร ได้ ๗๗ ที่นั่ง
และพรรคชาติพัฒนา ของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ ๖๐ ที่นั่ง
ทั้งพรรคชาติไทย และชาติพัฒนา มีฐานเสียงใหญ่ในภาคอีสาน
หาก “น้าชาติ” กับ “ลุงมาณ” ไม่แตกกัน พรรคชาติไทย จะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ถึง ๑๓๗ เสียง
เลือกตั้งปี ๒๕๓๘ พรรคชาติไทย ยุค “บรรหาร ศิลปอาชา” เป็นพรรคอันดับ ๑ กวาดเก้าอี้ ส.ส.ไป ๙๒ ที่นั่งส่วนใหญ่มาจากอีสานเช่นเคย
ถัดมาเลือกตั้งปี ๒๕๓๙ ถึงคิวพรรคความหวังใหม่ของพ่อใหญ่จิ๋ว ได้ ส.ส. ๑๒๕ ที่นั่ง ส่วนใหญ่ยังคงเป็น ส.ส.อีสาน
จากนั้นเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ จนถึง ๒๕๖๒ พรรคระบอบทักษิณ ชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ ๑ และ ส.ส.ส่วนใหญ่คือ ส.ส.อีสาน
ฉะนั้นบทสรุปสำหรับ “ลุงป้อม” การพาพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคลำดับ ๑ จะต้องแลนด์สไลด์ที่ภาคอีสานให้ได้
ถ้าแลนด์สไลด์ไม่ได้ ก็ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยแตกเป็น ๒ พรรคให้ได้
อย่าเพิ่งตกใจ! หากดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคือปี ๒๕๖๒ ในภาคอีสาน ๑๑๖ ที่นั่ง เป็นของใครบ้าง
เพื่อไทย ๘๔
ภูมิใจไทย ๑๖
พลังประชารัฐ ๑๑
ประชาธิปัตย์ ๒
อนาคตใหม่ ๑
ชาติไทยพัฒนา ๑
ชาติพัฒนา ๑
หลักๆ โคราช บุรีรัมย์ เพื่อไทยเจาะไม่เข้า
มาถึงตรงนี้จะเห็นว่าการบ้านของ “ลุงป้อม” จะยากขึ้นไปอีก
และจะยากขึ้นเรื่อยๆ หากพลังประชารัฐไม่มี “ลุงตู่”
“ลุงป้อม” ตอบคำถามนักข่าวว่า “ก็แล้วแต่สมาชิกพรรค” หลังถูกตั้งคำถามว่าพร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยใช่หรือไม่
และคำถามที่ว่า แบบนี้ต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่าใครจะอยู่อันดับไหน ระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม”
คำตอบคือ “ยังไม่ได้คุยกันเลย ความจริงลุงตู่ก็ไม่ได้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเสนอให้มาเป็น เราสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น”
ก็มีความชัดเจนในความคลุมเครือ
“ลุงตู่” ไม่ได้เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่แรกเริ่ม
หลังจากนี้ก็ยังคงไม่ใช่
โดยนัย “ลุงป้อม” กำลังบอกว่าตัวเองเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ตั้งรัฐบาลประยุทธ์มากับมือ
ในอดีตคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้จัดการรัฐบาลก็มีพญาเสืออย่าง เสนาะ เทียนทอง, สนั่น ขจรประศาสน์, สุเทพ เทือกสุบรรณ
ต้องเป็นมือประสานสิบทิศ
“ลุงป้อม” ก็มีคุณสมบัตินั้น
และทุกอย่างในพรรคพลังประชารัฐอยู่ในมือ “ลุงป้อม” ไม่ใช่ “ลุงตู่”
ยืนยันโดยคำถามจากนักข่าวที่ว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปพรรคอื่น ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องนี้หรือไม่
ลุงป้อมตอบว่าไงรู้มั้ยครับ
ตอบว่า…
“อันนี้ต้องไปถามตัวท่านนายกฯ ประยุทธ์ดูนะครับว่าท่านจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา”
ครับ…ยิ่งพูดก็ยิ่งชัด
พลังประชารัฐ “ของเรา”