‘ศรีสุวรรณ’ คุกคาม?-ผักกาดหอม

www.plewseengern.com

ผักกาดหอม

ตอนนี้ก็สนุกครับ

เฮฮากันให้สุดเหวี่ยง

ฉุดกระชากลากถู “ศรีสุวรรณ” ไปตบตีในโซเชียลซ้ำ ก็เอาให้หนำใจ

เพราะได้ต่อยได้ถีบนักร้องเบอร์หนึ่ง มันม่วนคักๆ

แต่เวลาขึ้นศาล ไปยืนอยู่หน้าบัลลังก์ศาล “ศักดิ์-วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล” ฮีโร่โง่ๆ อย่าร้องหาความช่วยเหลือจากใครเป็นอันขาด

เพราะในวันนั้นพวกที่ยุยงส่งเสริมด้วยความสะใจ จะหายหัวหมด

ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า จะมี ส.ส.พรรคก้าวไกลคนไหนไปประกันตัวให้คนที่สร้างความรุนแรง ทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่

ถ้ามีก็ขึ้นบัญชีหนังหมาเอาไว้

พวกนิยมความรุนแรงแบบนี้อย่าให้หลุดรอดเข้าสภาอีกเด็ดขาด

ต้องยึดหลักให้แน่น การทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น ไม่ว่าฝ่ายไหน ต้องไม่สนับสนุน

หากวันนี้มีใครไปตบปาก “เจี๊ยบก้าวไกล” ก็ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

และต้องไม่มีพื้นที่ให้พวกนิยมความรุนแรง ไม่ว่าเป็นพวกไหน ฝ่ายไหนก็ตาม

ไม่ว่าจะในหรือนอกครอบครัว การใช้กำลัง เช่นผัวตบตีเมีย คือสิ่งต้องห้าม

เพราะมันไม่ต่างจากมะเร็งร้าย

ในวันที่ “วิลล์ สมิธ” ตบหน้า “คริส ร็อก” บนเวทีออสการ์ หลังจากนักแสดงตลกเล่นมุกล้อเลียนทรงผมภรรยา วันนั้นนักสิทธิมนุษยชนในโซเชียล ดาหน้าวิจารณ์ “วิลล์ สมิธ” กันขรม

สร้างความรุนแรง เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

แต่ในวันที่ “ศรีสุวรรณ” ถูกต่อยถูกเตะกลับต่างออกไป เพราะอะไร?

สิทธิมนุษยชนสองมาตรฐานอย่างนั้นหรือ

นักสันติวิธี ที่เคยออกมาวิจารณ์กรณีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลทำร้ายฝ่ายตรงข้าม วันนี้ นักสันติวิธีทั้งหลายกลับเงียบกริบ

มันก็คล้ายๆ กรณีการเสียชีวิตในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองปี ๒๕๕๓ นักสิทธิมนุษยชนต่างเคลื่อนไหวเรียกร้องกันมากมาย

ครั้นเสื้อเหลือง กปปส. ถูกฆ่ากลับเงียบกริบ

นี่ก็เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจนักสิทธิมนุษยชน เพราะมีการเลือกข้าง ทั้งๆ ที่สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสากล ไม่มีฝ่าย

มีการอธิบายเรื่องราวแปลกๆ จาก “อังคณา นีละไพจิตร” อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

“…ไม่เห็นด้วยที่คุณศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องกับตำรวจเพื่อตรวจสอบคุณโน้ส อุดม กรณีพูดล้อเลียน หรือพาดพิงรัฐบาล ในทอล์กโชว์ ‘เดี่ยว ๑๓’ เพราะถือเป็น #การคุกคามทางกฎหมาย ต่อผู้เห็นต่าง ขณะที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อคุณศรีสุวรรณ

รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมืองให้ความคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกอย่างสันติของประชาชน ดังนั้นการกระทำใด หากรัฐธรรมนูญไม่บัญญัติห้าม ประชาชนย่อมมีเสรีภาพที่จะกระทำได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ถือเป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนย่อมมีเสรีภาพในแสดงความคิดเห็น หรือต่อต้านโดยสงบ หากเห็นว่ารัฐบาลบริหารงานผิดพลาดจนอาจส่งผลกระทบต่อประชาชน การแสดงความคิดเห็นของคุณโน้ส ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นของศิลปิน หรือเป็นการใช้ศิลปะในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติและเปิดเผย

การฟ้องร้อง หรือการแจ้งความในลักษณะนี้ จึงอาจถือเป็นการ #ดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ (Strategic Lawsuit to Anti Public Participation – #SLAPP) หรือฟ้องปิดปาก หรือฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง ทำให้หวาดกลัว และไม่กล้าแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกอย่างสันติ รัฐบาลจึงควรมีท่าทีที่ชัดเจนในการคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน ไม่ควรปล่อยให้มีการใช้กฎหมายเพื่อคุกคามผู้เห็นต่าง ซึ่งถือเป็นการปิดกั้นความคิดเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ

อย่างไรก็ดีผู้ที่เห็นต่างจากคุณศรีสุวรรณ ก็ควรเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของคุณศรีสุวรรณ ไม่ควรใช้ความรุนแรงใดๆ แต่ควรเรียกร้องรัฐบาล โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนให้เคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกอย่างสันติของประชาชน และในฐานะที่ประเทศไทยได้สมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ (HRC) ปี 2025- 2027 ประเทศไทยจึงต้องแสดงความจริงใจในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี #รัฐบาล และหน่วยงานของรัฐ #ควรเปิดใจกว้างเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกอย่างสันติของประชาชน ไม่ปล่อยให้มีการฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีที่เป็นลักษณะการฟ้องเพื่อปิดปากประชาชนตามอำเภอใจอีกต่อไป…”

เข้าใจเรื่องราวผิดไปมากโขครับ

กรุณากลับไปอ่านประเด็นที่ “ศรีสุวรรณ” จะร้องเสียใหม่

“ผมมองว่า มีคำพูดบางถ้อยคำไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม รวมถึงเข้าผิดความผิดทางกฎหมาย โดยเฉพาะที่กล่าวว่า ปัญหารถติด ควรให้อภัยคนมาม็อบ เพราะทำหน้าที่แทน ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔, ๘๕, ๘๗ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า การยุยงส่งเสริมให้บุคคลกระทำความผิด หรือการโฆษณา ให้บุคคลกระทำความผิด ถือเป็นความผิดทางอาญา ผู้ที่กระทำต้องรับโทษกึ่งหนึ่งของความผิดที่เกิดขึ้น ซึ่งการจัดชุมนุมที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา ๒-๓ ปีนั้น เป็นที่รับทราบกันว่า เป็นการชุมนุมสาธารณะที่ผิดกฎหมายเพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะขับไล่รัฐบาลอบ่างเดียว แต่ยังมีประเด็นเรื่องการยกเลิกกฎหมายมาตรา ๑๑๒ และการปฏิรูปสถาบัน…”

ฉะนั้นต้องทำความเข้าใจเรื่องราวให้ครบก่อนแสดงความเห็นครับ

“ศรีสุวรรณ” ไปร้องเรื่อง “โน้ส” หนุนม็อบเลิก ม.๑๑๒ กับ ปฏิรูปสถาบัน เป็นหลัก ไล่รัฐบาลเป็นแค่ทางผ่าน

สถานการณ์เช่นนี้ความเห็นจากนักสิทธิมนุษยชนจึงมีความสำคัญมาก

“ศรีสุวรรณ” ไม่ได้เล่นนอกกติกา ไม่ได้ไปอุ้มฆ่าใคร แต่ใช้กฎหมายเพื่อตรวจสอบ ดังนั้นหากมองเป็นเรื่องการตรวจสอบ มันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร

แต่หากมองว่ากลั่นแกล้ง มันก็เกิดคำถามครับ ใช่ “ศรีสุวรรณ” คนเดียวเสียเมื่อไหร่ ที่ใช้กฎหมายตรวจสอบ

นักการเมืองใหญ่ไล่ฟ้องสื่อแบบไร้สาระก็มี

“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” “สนธิญา สวัสดี” ก็จอมฟ้อง เพียงแต่ “ศรีสุวรรณ” ฟ้องมากกว่า

“ศรีสุวรรณ” ใช้วิธีการฟ้องร้องที่อาจดูน่ารำคาญสำหรับบางคน แต่ก็เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ คนวินิจฉัยถูกผิดคือศาล

แต่หากคิดว่าเป็นการคุกคาม “ศรีสุวรรณ” เขาก็มองว่าการก่อม็อบเพื่อให้ยกเลิก ม.๑๑๒ เป็นพฤติกรรมคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เหมือนกัน

แล้วจะไปจำกัดสิทธิเขาได้หรือ

ปกป้องสถาบัน กลายเป็นการคุกคามไปได้อย่างไร


Written By
More from pp
“เด็กท้องต้องได้เรียน” แม่วัยรุ่นต้องได้โอกาสทางการศึกษา
19 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราชกิจจานุเบกษา (18 กุมภาพันธ์ 2566) ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา...
Read More
0 replies on “‘ศรีสุวรรณ’ คุกคาม?-ผักกาดหอม”