ผักกาดหอม
ฮอตจริงๆ
มากลบข่าว “ลุงตู่” เปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติชัดๆ
ก็แหงซิครับ…คนสนใจเรื่องในมุ้งมากกว่าเรื่องการเมืองเป็นไหนๆ
เรื่องทนายตั้ม แฉ อดีตรองนายกฯ ย. มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของคนอื่น ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ชู้” นับเป็นปรากฏการณ์โซเชียลแตกอีกครั้ง
ก็เพิ่งได้รู้หลายเรื่อง
เรื่องแรก ทนายตั้มเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
เรื่องที่สอง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” คนผมขาวข้างกายนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว
เรื่องที่สาม ถ้าเป็นอดีตสมาชิกพรรคทำเรื่องฉาวโฉ่ กรุณาอย่าถามหาความรับผิดชอบจากพรรคเพื่อไทย
คร่าวๆ ก็ ๓ เรื่องนี้ครับ
มาดูกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
การใบ้ชื่อของ “ทนายตั้ม” ถือว่าแคบมาก เห็นแล้วเสียวแทน
เพราะ “ย.” รองนายกฯ อดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีแค่ ๒ คน
หากคดีพลิกมีหวังจุกถึงขั้นต้องเข้าไอซียู
แต่เอาล่ะครับเมื่อ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” แสดงความบริสุทธิ์ใจ เปิดแถลงข่าวว่าไม่เกี่ยวข้อง ชื่อนี้ก็สามารถพูดถึงได้ ตามเนื้อหาที่แถลงข่าว
“…ไม่เป็นไร ทราบเรื่องนี้หมดทุกอย่างแล้ว กำลังจัดการอยู่ อยากให้พรรคเพื่อไทยขับนายษิทราออกจากพรรค เพราะนายษิทราเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่
เหตุการณ์ทั้งหมดยืนยันไม่ใช่ตัวเองแน่นอน เพราะอดีตรองนายกรัฐมนตรีมีตั้งหลายคน…”
ทนายตั้มหรือจะยอม
เผ็ดร้อนพอกัน
สมัยนี้เขาตอบโต้กันทางโซเชียลครับ
ทนายตั้มโพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้ว่าอะไรลองอ่านดูครับ
“…อ้าว คุณยงยุทธ ผมยังไม่ได้พูดชื่อคุณเลย ร้อนตัวอะไรหรือเปล่าครับ แล้วจะมาขับผมออกจากพรรคเพื่อไทยทำไม ในเมื่อผมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีความนิยมชมชอบในพรรคเหมือนประชาชนทั่วไปมาหลายปีแล้ว ผมทำผิดอะไรในการให้คำแนะนำกับลูกความ และช่วยปัดเป่าทำความสะอาดพรรค ไม่ให้พรรคมัวหมอง…”
อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องภายในนะครับ
เห็นว่ามีการฟ้องร้องทางแพ่งกันอยู่ เดือนสองเดือนนี้จะขึ้นศาลกันแล้ว
ฉะนั้นใครที่ไปโผล่ที่ศาลก็แสดงว่าเกี่ยวพันกับคดีนี้ครับ
ที่จริงก็รู้สึกประหลาดใจ สมัยนี้คดีความจำนวนมากเขาให้ศาลโซเชียลพิพากษาก่อนศาลยุติธรรมจะพิจารณาคดีเสียอีก
ถ้าถูกตัวก็แล้วไป
แต่ผิดตัวเมื่อไหร่ใครจะรับผิดชอบ
คดีนี้ไม่ทราบครับว่า ถูกตัว หรือ ผิดตัว เพราะศาลยังไม่พิพากษา
ไฮไลต์ของเรื่อง ผมมองว่า การที่สื่อหลัก สื่อรอง พากันนำเสนอประวัติของ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ก็งงอยู่เหมือนกันว่า จะนำเสนอไปทำไมกัน
ก็…อดีตรองนายกฯ ยังอยู่ดี
ยังแข็งแรงกว่าหนุ่มๆ หลายๆ คนเสียอีก
มาคิดอีกมุม ก็ดีเหมือนกันเผื่อคนรุ่นหลังไม่รู้จัก หรือคนรุ่นเก่าทำเป็นลืม
โดยเฉพาะแกนนำแกนนอนพรรคเพื่อไทย
ประวัติ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ก็ตามนี้ครับ….
หลังเกษียณอายุราชการแล้ว ยงยุทธเริ่มเข้าสู่งานการเมือง ด้วยการเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงสาธารณสุข (สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์)
จากนั้นเป็นประธานกรรมการ การไฟฟ้านครหลวง
เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ)
วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑ พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๑ ลงมติเลือกยงยุทธ ซึ่งขณะนั้นรักษาการในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งนี้ โดยให้เหตุผลเพื่อปรับโครงสร้างพรรค ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป
แต่ภายหลังสมาชิกพรรคลงคะแนนให้ยงยุทธกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
ยงยุทธได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในประเภทบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเวลาต่อมา
วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ ยงยุทธประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ลงมติให้ไล่ออกจากราชการ จึงมีผลกระทบต่อคุณสมบัติทางการเมืองส่วนบุคคลของยงยุทธ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล ทั้งอาจส่งผลทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย
วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีทุจริตที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ หมายเลขดำ อท.๓๘/๒๕๕๙ ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
กรณีระหว่างที่ยงยุทธ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการพิจารณาอุทธรณ์ และสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยมีเจตนาช่วยเหลือ บริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมา ให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยปฏิเสธ
คดีนี้รู้จักในนามคดี “สนามกอล์ฟอัลไพน์” ซึ่งเป็นธรณีสงฆ์จากการที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดิน ๒ แปลงถวายวัดธรรมิการามวรวิหาร
ศาลพิพากษาจำคุก ๒ ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมานายยงยุทธ จำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
ขณะที่ในช่วงปี ๒๕๔๕ ปรากฏข้อเท็จจริงว่าภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร ได้ซื้อสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อจากนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งหลังจากนั้น ก็พบว่าจำเลยได้รับดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยจนเกษียณราชการ และยังได้รับตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในยุครัฐบาลนายทักษิณ
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งศาลฎีกา เป็นไปตามคาด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๒ ปีโดยไม่รอลงอาญานั้นเหมาะสมแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน
๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ ยงยุทธได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังเข้าเงื่อนไขได้รับการพักโทษ แต่ต้องติดกำไลอีเอ็มเพื่อควบคุมและติดตามตัว
เงื่อนไขที่ว่าคือเป็น “ผู้สูงอายุ”
ตามข่าวบอกว่า ติดกำไลเป็นเวลา ๑ ปี ก็คงจะถอดในอีก ๑ ปีถัดมา
ผมไม่กล้าตอแยพรรคเพื่อไทยเขาหรอกครับ เพราะหัวหน้าฝ่ายธุรการพรรค หมอชลน่าน บอกว่า ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว จะให้รับผิดชอบได้ไง
ให้ตายซิ!
เขาไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเพื่อไทยแล้ว