พรสังฆราชาที่แผ่ถึงประชาชน

เมื่อวาน…….

คือ “๒๘ กรกฏาคม” เป็นวัน”เฉลิมพระชนมพรรษา ๖๗ พรรษา ของ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”

“สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก” ถวายพระพรแด่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๑๐ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ดังนี้

ขอถวายพระพร เจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกประการ จงมีแด่ สมเด็จพระบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ

อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว
อาตมภาพ ในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิต ร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงความปีติโสมนัสและขอถวายพระพรชัยมงคล

บัดนี้ สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงรับพระบรมราชาภิเษก ตามโบราณขัตติยราชประเพณีทุกประการ พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการที่จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร ดุจเดียวกับที่ “สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงปฏิญาณพระองค์เป็นแนวทางดำเนินพระราชจริยาสืบมาทุกรัชสมัย
อันว่า “พระราชธรรม” สำหรับพระมหากษัตริย์นั้น มี๑๐​ ประการ เรียกว่า ‘ทศพิธราชธรรม’

ประกอบด้วย…………

การให้, การสังวรระวังกายวาจาให้เป็นปรกติ, การบริจาคเพื่อบรรเทาความโลภ, ความซื่อตรง, ความอ่อนโยน, การกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว, ความไม่มักโกรธ, ความไม่เบียดเบียน, ความอดทน และการดำรงความยุติธรรม

เมื่อใด พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงทศพิธราชธรรมให้บริบูรณ์ด้วยดีในพระองค์​

เมื่อนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทและราษฎร ย่อมสวามิภักดิ์ พร้อมพลีกำลังกาย กำลังความคิด สนองพระเดชพระคุณ โดยความซื่อสัตย์สุจริต และกตัญญู ปรากฏพระปีติโสมนัสมาสู่ดวงพระราชหฤทัย

ในขณะเดียวกัน ประชาชนทุกคน ก็พึงทำความแยบคายในใจให้ถ้วนถี่ว่า
ทศพิธราชธรรมนี้ หาได้เป็นพระราชปฏิบัติสำหรับพระมหากษัตริย์แต่ฝ่ายเดียวไม่

ด้วยเหตุที่ความรุ่งเรืองของชาติบ้านเมือง จำเป็นต้องอาศัยกำลังพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ช่วยกันทำหน้าที่ตามฐานะของตนๆ เพื่อสนองพระบรมราโชบาย จนบังเกิดผลสัมฤทธิ์ได้สมพระราชปรารถนา

เพราะฉะนั้น ในฐานะผู้อาศัยใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงพึงศึกษาและน้อมนำธรรมะทั้ง ๑๐ ประการข้างต้น มาเป็นวิถีการดำรงตน โดยทั่วหน้ากัน
ณ อุดมสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา อาตมภาพขออัญเชิญนิพนธคาถาแห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจาว่า

มาตา ปิตา จอตฺรชํ ​นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ

เอวํ ธมฺเมนราชาโน ปชํรกฺขนฺตุ สพฺพทาฯ

ความว่า ‘มารดาและบิดาย่อมถนอมบุตรน้อยอันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ ฉันใด

พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบในกาลทั้งปวง ฉันนั้น’

ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ………..

ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงสมัครสมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตน เป็นเสมือนลูกที่ดีพร้อมเพรียงกัน ทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงปลอดโปร่งพระราชหฤทัย

ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มพระบารมีสืบไป

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตราบจิรัฏฐิติกาลเทอญ.”

ครับ…..

บ้านเมืองเราก็ผ่านวาระมงคลกาลประเสริฐเป็นลำดับ รวมอีกทั้ง รัฐบาลก็ผ่านขั้นตอน “แถลงนโยบาย” อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

สู่ความเป็น “รัฐบาลใหม่” สมบูรณ์ ครบถ้วน ลงมือทำงานบริหารราชการแผ่นดิน “ตามนโยบาย” ได้แล้ว เพื่อความรุ่งเรืองแผ่นดิน และเพื่อเจริญสุขประชาชน

ทุกฝ่าย-ทุกคน ในความเป็นพสกนิกร ในความเป็นบุตรแผ่นดินไทย ก็จงโยนิโสมนสิการ น้อมเอาธรรม ๑๐ ประการ ดังที่ “สมเด็จพระสังฆราช” ตรัสบอก มาใคร่ครวญไว้ในใจ สู่ปฏิบัติ พร้อมทั้ง…..

“จงสมัครสมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตน เป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกัน ทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร” เถิด

วันนี้ จันทร์ ๒๙ กค. “หยุดชดเชย” ก็เที่ยวต่อ ไม่ต้องทำงานกันอีกวัน
ก็ถือโอกาสนี้ แจ้งเรื่อง “ส่วนตัว” แต่เป็นไปเพื่อ “ส่วนรวม” สักนิด

คือตั้งแต่เดือนที่แล้วโน่น ………

บอกกล่าวเรื่องการทอดผ้าป่า “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก” ที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย ๓
เพื่อสมทบสร้าง “พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระหลวงตามหาบัว” ที่วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี ซึ่งขณะนี้ ใกล้เสร็จแล้ว

กับเรื่อง “หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม” ท่านรับภาระเป็นองค์อุปถัมภ์ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน ๑๐ ชั้น ให้ “โรงพยาบาลเลย”

พลโท นายแพทย์สุปรีชา-คุณสุมัณฑนา โมกขะเวส โอนเงินมาที่ผม ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมถวายแห่งละหนึ่งหมื่น

ผมโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อสร้างธรรมเจดีย์หลวงตา และเพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เรียบร้อยตามประสงค์นานแล้ว

แต่ยังไม่ได้แจ้ง ก็ถือโอกาสนี้แจ้งให้ทราบ ส่วนหลักฐานการโอนเป็นระบบไอที อยู่ในมือถือนี่แหละ

อีกเรื่อง “คุณผ่องพรรณ” น้องสาวหมอเส็ง เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ที่บางคล้า ฉะเชิงเทรา

ท่านมอบผ้าไตรจีวรอย่างดีมาลังใหญ่ ยังไม่ได้รื้อนับ น่าจะเป็นสิบๆ ไตร เพื่อให้ผมถวายพระตามที่เห็นสมควร
ก็ตั้งใจแต่ก่อนเข้าพรรษา ว่าใครจะบวช ไม่ว่าบวชพระ-บวชเณร ประสงค์จะได้ไตรจีวรนี้ ขอให้แจ้ง และมารับที่ไทยโพสต์ได้

ผมก็มัวโน่น-นี่ ทำตัวยุ่งไปเอง ไม่ได้บอกกล่าว จนเข้าพรรษาผ่านไปแล้ว
ก็ไม่ไร เรื่องบุญ-เรื่องบวช ไม่มีคำว่าสาย ทีทำบาป ทำได้ทุกวัน ครั้นจะทำบุญ ทำไมต้องถือฤกษ์ “ในพรรษา-นอกพรรษา” จริงมั้ย?

ดังนั้น ท่านใดไม่จนศรัทธา แต่จนใจบางอย่าง ประสงค์ใช้ไตรจีวรนี้
จะบวชหรือจะนำไปถวายพระที่เห็นท่านปุปะเต็มทน ก็ช่วยรับธุระ แจ้งมาที่ผม หรือมารับที่ผมได้เลย

อันที่จริง ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก คุณผ่องพรรณ หรือ “เจ๊หมวย” ท่านมอบผ้าไตรมาให้ผมทุกปี รวมๆ แล้วเฉียดๆร้อยไตรกระมัง

ผมเคยซื้อแถวเสาชิงช้าไปถวายพระแต่ก่อน เนื้อผ้าระดับนี้ ๑,๕๐๐-๑,๘๐๐-๒,๐๐๐ บาท

ตอนนี้ ราคาน่าจะอายุวัฒนะไปมากกว่านี้

คิดๆ แล้ว ก็ตกเป็นเงินโขอยู่! ผมก็นำไปถวายพระตามกาลอันควร เช่น วันเกิดไทยโพสต์ เป็นต้น

แต่มาตรองดู ถ้านานปีทีหน ถึงจะได้นำผ้าไตรนี้ ไปยังประโยชน์ตามกุศลเจตนาคุณผ่องพรรณสักครั้ง ดูจะเป็นการไม่ต่อยอดศรัทธาให้เพิ่มพูนเท่าที่ควร

ฉะนั้น เอาเป็นว่า ท่านใดประสงค์ใช้ผ้าไตรนี้ ด้วยบริสุทธ์ในจิต เพื่อการบวช การถวายพระ ก็มาช่วยเจริญศรัทธา รับผ้าไตรนี้ไปได้เลย

ครับ…

อยู่ในช่วงวันมหามงคล คิดดี- คุยแต่เรื่องดีๆ ซักวัน ส่วนท่านจะอ่าน-ไม่อ่าน ก็เอาตามที่สบายใจ

แล้วพรุ่งนี้ ค่อยมาอ่าน “เรื่องใหม่” จาก “คนเก่า” ก็ได้

อย่าทิ้งให้ผม”เฉาตาย”ก็แล้วกัน!

Written By
More from plew
เรียกว่า “มากับความมืด” – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความที่…? เปลว สีเงิน “ม้าพิธา” กับ “ม้าอุ๊งอิ๊ง” “ค่ายเดียวกัน” แต่แยก ๒ คอก เป็น “คอกส้ม-คอกแดง”...
Read More
0 replies on “พรสังฆราชาที่แผ่ถึงประชาชน”