เปลว สีเงิน
วันนี้ “วันเข้าพรรษา”
แต่ไม่เป็นข่าว ที่เป็นข่าว กลับเป็นเรื่องพระผู้ทรงสมณศักด์หลายรูปต้องอาบัติปาราชิก จากหญิง “นักล่าพระ” เป็นคู่นอนรายเดียวกัน
ก็น่าทุเรศปนสังเวช!
ตามที่เราเคยคุยกันนั่นแหละ ว่ารอบนี้เป็นรอบ “เช็กบิลกรรม” เจอแน่ ไม่ว่าพระ ไม่ว่าโจร ไม่ว่าในสภา ในทำเนียบ
ใครทำกรรมเช่นใดไว้ ก็ทยอยรับผลกรรมเช่นนั้นกันไป!
พวก “กรรมหยาบ-บาปหนา” อย่างเช่นพระที่ถูกกรรมเช็กบิลตอนนี้ ถามว่า ตกนรกมั้ย?
ตกแน่ ตกในขุม “อเวจีนรก” ซึ่งลึกสุดใจซะด้วย!!!
ฉะนั้น วันนี้ เรา “ทัวร์นรก” กันหน่อยดีมั้ย….เอ้า ไปกันเลย
………………………………
“นรก” แปลว่า “เหว” ในภาษาบาลีมักเรียกว่า “นิรยะ” แปลว่า สถานที่ ที่ไม่มีความเจริญ คือไม่มีสุข มีแต่ทุกข์ทรมาน คำว่า นิรยะ หรือ นรก ใช้หมายถึงสถานที่ทรมานสัตว์ทำบาปดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นรกที่เป็นขุมใหญ่มีกล่าวไว้ในสังกิจจชาดก เป็นต้น มี ๘ คือ
๑. สัญชีวะ “คืนชีวิตขึ้นเอง” สัตว์นรกในขุมนี้ ถูกตัดเป็นท่อนเล็ก-ท่อนใหญ่ แล้วก็กลับคืนชีวิตขึ้นมาเองอีก รับการทรมานอยู่ร่ำไป
ในคัมภีร์มหายานทิเบตแสดงว่า นรกขุมนี้สำหรับบาปที่ทำฆาตกรรมตนเอง ฆาตกรรมผู้อื่น หมอที่ทอดทิ้งฆ่าคนไข้ของตน
ผู้จัดการทรัพย์มรดกที่คดโกง และผู้ปกครองที่โหดร้ายเบียดเบียนประชาชน
๒. กาฬะสุตตะ “เส้นดำ” สัตว์นรกในขุมนี้ถูกขีดเป็นเส้นดำที่ร่างกาย เหมือนตีเส้นที่ต้นซุงเพื่อจะเลื่อยแล้วถูกผ่าด้วยขวานเป็น ๘ เสี่ยง ๑๖ เสี่ยง
แต่ตามคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า ถูกเลื่อยด้วยเลื่อย และกล่าวการลงโทษอีกอย่างหนึ่ง คือ ลากลิ้นออกมาตอกและไถด้วยไถเหล็กแหลมเป็นจักๆ
สำหรับบาปที่พูดส่อเสียด ยุยงให้แตกกัน และเข้าไปยุ่งเกี่ยวขัดขวางกิจการของผู้อื่น
และแสดงโดยทั่วไปว่า นรกขุมนี้สำหรับบาปที่แสดงความไม่นับถือ ลบหลู่ดูหมิ่นมารดา บิดา พระรัตนตรัย หรือพระศาสนา
๓. สังฆาฏะ “กระทบกัน” มีภูเขาเหล็กคราวละ ๒ ลูก จากทิศตรงกันข้าม เลื่อนเข้ามากระทบกันเอง
บดสัตว์นรกให้ร่างแหลกละเอียดจาก ๔ ทิศ ก็เป็นภูเขา ๔ ลูกเลื่อนเข้ามากระทบกันตลอดเวลา
คัมภีร์มหายานกล่าวว่า นรกขุมนี้สำหรับพวกพระ คฤหัสถ์ คนที่ไม่เชื่อในศาสนา ลบหลู่ดูหมิ่นหรือทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์
และสำหรับพระที่สะสมเงินเป็นก้อน และแสดงการทรมานอีกอย่างหนึ่ง คือ บดตำในครกเหล็ก ตีบนทั่งเหล็ก สำหรับทรมานผู้ทำโจรกรรม
ผู้ที่มีสันดานร้ายกาจ ด้วยความโกรธริษยา โลภอยากได้ ผู้ที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดโกง และผู้ที่ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสัตว์ตาย ลงในถนนหนทางสาธารณะ
๔. โรรุวะ “ร้องครวญคราง” มีเปลวไฟเข้าไปทางทวารทั้ง ๙ เผาไหม้ในสรีระ จึงร้องครวญคราง บางพวกถูกหมอกควันด่าง (กรด) เข้าไปละลายสรีระจนละเอียดเหมือนแป้ง จึงร้องครวญคราง
ในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า กรอกน้ำเหล็กแดงอันร้อนแรงทางปาก ผ่านลำคอลงไป สำหรับบาปที่กั้นปิดทางน้ำเพื่อประโยชน์ของตน แช่งด่าดินฟ้าอากาศ ทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เสียหาย
๕. มหาโรรุวะ “ร้องครวญครางมาก” ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้อ ๔ ในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า สำหรับพาหิรชน “คนบาปหนา”
๖. ตาปะนะ “ร้อน” คือให้นั่งเสียบตรึงไว้ด้วยหลาวเหล็กบนแผ่นดินเหล็กแดงลุกเป็นไฟร้อนแรง
บ้างก็ถูกต้อนขึ้นไปบนภูเขาเหล็กแดงเป็นไฟลุกโพลง พลัดตกลงมาถูกเสียบด้วยหลาวเหล็กที่โผล่ขึ้นมาจากแผ่นดินเหล็กแดง
ในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า ถูกขังอยู่ในห้องเหล็กแดง เป็นไฟร้อนแรง สำหรับบาปที่ปิ้งทอดหรือเสียบสัตว์ปิ้งเป็นอาหาร
๗. ปะตาปะนะ “ร้อนสูงมาก” เป็นที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้อ ๖
ในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า ถูกทิ่มแทงด้วยหอกสามง่ามล้มกลิ้งลงไปบนพื้นเหล็กแดงอันร้อนแรง สำหรับบาปที่ละทิ้งพระศาสนา (เลิกนับถือ) หรือปฏิเสธความจริง
๘. อวีจิ “ไม่มีระหว่าง” ภาษาไทยมักเรียกว่า “อเวจี”
เปลวไฟในนรกขุมนี้ ลุกโพลงเต็มทั่วไปหมด ไม่มีระหว่างหรือเว้นว่าง สัตว์นรกในขุมนี้ ก็แน่นขนัด เหมือนยัดทะนาน
แต่ไม่เบียดเสียดกันอย่างวัตถุ ต่างถูกไฟไหม้อยู่เฉพาะตนๆ และความทุกข์ทรมานของสัตว์นรกขุมนี้ ก็เกิดขึ้นสืบเนื่องกันไป ไม่มีระหว่างหรือเว้นว่าง
ในคัมภีร์ทางทิเบต กล่าวว่า สำหรับบาปที่อุกฤษฎ์ โทษตามลัทธิลามะ แต่ฝ่ายเถรวาท ว่าสำหรับบาปที่เป็น “อนันตริยกรรม”
เครื่องทรมานในนรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุมดังกล่าว มีเหล็ก เช่น พื้นแผ่นดินเหล็กและเครื่องอาวุธเหล็กต่างๆ มีไฟ คือ เหล็กนั่นแหละลุกเป็นไฟร้อนแรง
มีภูเขาเหล็กที่กลิ้งมาบด และมีหมอกควันชนิดเป็นกรด หรือด่าง ในขุมนรกที่ ๑ และที่ ๒ มีนายนิรยบาล แปลว่า ผู้รักษานรก ไทยเรียกว่า ยมบาล เป็นผู้ทำการทรมานสัตว์นรกแต่นรกขุมที่ลึกลงไปกว่านั้น
ใน “อรรถกถาสังกิจจะชาดก” ไม่ได้กล่าวถึงนายนิรยบาล กล่าวถึงไฟ เหล็ก เช่น เครื่องอาวุธต่างๆ เป็นต้น บังเกิดขึ้นทรมานสัตว์นรกเอง
อนึ่ง มีแสดงไว้ว่า นรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุม มีนรกเล็กบริวารใน ๔ ด้าน ด้านละ ๔ ขุม รวม ๑๖ ขุม
รวมนรกบริวารของนรกใหญ่ทั้ง ๘ ขุม ได้ ๑๒๘ ขุม รวมนรกใหญ่อีก ๘ ขุมเ ป็น ๑๓๖ ขุม
นรกบริวาร ในไตรภูมิพระร่วงเรียกว่าฝูงนรกบ่าว ในเนมิราชชาดก กล่าวว่า พระมาตลี เทพสารถีนำพระเจ้าเนมิราช พระราชาครองนครมิถิลา ในแคว้นวิเทหรัฐ
ไปเที่ยวดูนรกบริวาร ๑๖ ขุม ซึ่งอยู่ล้อมรอบสัญชีวะนรก อันเป็นนรกใหญ่ขุมที่ ๑ มีชื่อดังต่อไปนี้
๑.เวตะระณีนรก แปลว่า แม่น้ำเวตรณี แปลว่า ข้ามยาก คือแม่น้ำด่างที่ร้อนเดือดพล่าน เรียกว่า เวตรณี บัว และสิ่งต่างๆ ในแม่น้ำนั้น เป็นอาวุธทั้งสิ้น
นายนิรยบาลตกเบ็ดสัตว์นรกอีกด้วย สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า เบียดเบียนผู้ที่อ่อนกำลังกว่า
๒.สุนะขะนรก “นรกสุนัข” คือฝูงสุนัขขาว, แดง, ดำ, เหลือง และฝูงแร้งกา กลุ้มรุมกัด ตี จิกทรมาน สำหรับบาปด่าว่าสมณพราหมณ์และท่านผู้มีคุณ
๓. สัญโชตินรก “นรกไฟโพลง” สัตว์นรกในขุมนี้มีสรีระลุกเป็นไฟโพลงแผดเผาทั้งถูกทรมานต่างๆ สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า เบียดเบียนบุรุษสตรีที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่มีความผิด
๔. อังคาระกาสุนรก “นรกหลุมถ่านเพลิง” คือตกลงไปไหม้ทรมานในหลุมถ่านเพลิง
สำหรับบาปฉ้อโกง เบียดบัง ถือเอาทรัพย์ที่เขาบริจาคเพื่อการกุศล หรือชักชวนให้เขาบริจาคอ้างว่าเพื่อเป็นการกุศล ได้ทรัพย์มาแล้วถือเอาเสียเอง และสำหรับบาปที่เป็นหนี้ทรัพย์ผู้อื่นแล้วโกงหนี้นั้น
๕. โลหะกุมภีนรก “นรกหม้อทองแดง” เป็นที่ตกลงไปไหม้ทรมาน สำหรับบาปที่ทุบตีเบียดเบียนสมณพราหมณ์ผู้มีศีล
๖. คีวะลุญจะนรก “นรกที่ดึงคอให้หลุด” คือเอาเชือกพันคอจุ่มลงไปในหม้อทองแดงร้อนๆ ให้คอหลุดทรมาน
สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า เบียดเบียนทำลายหมู่เนื้อนก
๗. ถุสะปะลาสะนรก “นรกข้าวลีบและแกลบ” คือสัตว์นรกขุมนี้ ลงไปวักน้ำในแม่น้ำนรกดื่มด้วยความกระหาย
น้ำที่ดื่มก็เป็นข้าวลีบและแกลบไฟ ไหม้ร่างกายทั้งหมด เป็นการทรมาน สำหรับบาปที่เอาข้าวสารไม่ดีปนข้าวดีลวงขายว่าข้าวดี
๘. สัตติหะตะสะยะนรก “นรกที่แทงด้วยหอกจนล้มลง” สัตว์นรกในขุมนี้ ถูกแทงจนตัวพรุนอย่างใบไม้เก่า
สำหรับบาปที่ประกอบกรรมมิชอบ เลี้ยงชีวิตด้วยการปล้นสะดม ขโมย ฉ้อโกง ทุจริต เบียดบัง เป็นต้น
๙. วิละพะตะกะนรก “นรกแล่เนื้อ” คือแล่เนื้อสัตว์นรกออกเป็นชิ้นๆ สำหรับบาปที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
๑๐. ปุราณะมิฬะหะนรก “นรกมูตรคูถหรือนรกอาจมเก่า” คือ สัตว์นรกในขุมนี้ กินอาจมเก่าที่เหม็นนักหนา และลุกเป็นควันหรือเป็นไฟร้อนแรง
สำหรับบาปที่ประทุษร้ายเบียดเบียนมิตรสหาย หรืออาศัยกินข้าวเขาแล้วยังขู่เอาทรัพย์ของเขา หรือเจ้าหน้าที่ขูดรีด
๑๑. โลหิตะปุพพะนรก “นรกน้ำเลือดน้ำหนอง” สัตว์นรกในขุมนี้อยู่ในแม่น้ำแห่งเลือดและหนอง หิวกระหาย
กินน้ำเลือดน้ำหนองซึ่งร้อนเป็นไฟเข้าไปลวกไหม้ทรมาน สำหรับบาปที่ทำร้ายมารดาบิดาและท่านที่มีคุณควรกราบไหว้บูชาทั้งหลาย
๑๒. อะยะพะลิสะนรก แปลว่า นรกเบ็ดเหล็ก คือสัตว์นรกในขุมนี้ ถูกเบ็ดเหล็กร้อนแดงเกี่ยวลิ้นลากออกมาให้ล้มไปทรมานบนพื้นเหล็กแดงแรงร้อน
สำหรับบาปที่กดราคาของซื้อ โก่งราคาของขายเกินควร และใช้วิธี ชั่ง ตวง วัด คดโกง ด้วยโลภเจตนา
๑๓. อุทธังปาทะนรก “นรกที่จับเท้ายกขึ้นเบื้องบนทิ้งลงไปให้จมฝังลงไปแค่สะเอว” แล้วมีภูเขากลิ้งจากทิศทั้ง ๔ มาบดทรมาน
เป็นนรกสำหรับสตรีที่นอกใจสามี เป็นชู้ด้วยชายอื่น
๑๔. อะวังสิระนรก “นรกที่จับศีรษะห้อยลงเบื้องต่ำทิ้งลงไปให้ไหม้ทรมาน” เช่นเดียวกัน เป็นนรกสำหรับบุรุษที่เป็นชู้ด้วยภรรยาคนอื่น
๑๕. โลหะสิมพลีนรก “นรกต้นงิ้วเหล็ก” คือ สัตว์นรกในขุมนี้ ต้องปีนต้นงิ้วเหล็ก มีหนามเหล็กแหลมแดงเป็นเปลวไฟร้อนแรง สำหรับบาปผิดศีลข้อ ๓ ทั้งชายและหญิง
๑๖. ปะจะนะนรก “นรกหมกไหม้สัตว์นรกในขุมนี้ต้องถูกหมกไหม้และถูกทิ่มแทงทรมาน สำหรับบาปที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
คือเห็นผิดว่าผลทาน-ผลศีลไม่มี ผลกรรมดี-กรรมชั่วไม่มี คุณมารดาบิดาไม่มี คุณสมณพราหมณ์ไม่มี เป็นต้น
นรกทั้ง ๑๖ ขุมนี้ ท่านว่ายัดเยียดเบียดเสียดเต็มไปด้วยสัตว์นรก จึงเรียกว่า “อุสสะทะนรก” แปลว่า “นรกยัดเยียดเบียดเสียด”
…………………………………..
ที่นำมานี้เป็นบางส่วน-บางตอนจาก “หนังสือธรรมาภิธาน พจนานุกรมคำสอนพระพุทธศาสนา”
พระนิพนธ์ “สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก”
“นิตยสารธรรมลีลา” ฉบับที่ ๑๙๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ เผยแพร่
พระโกงธรรม “กรรมเช็กบิล” ลงนรกไปแล้ว
“คนโกงเมือง” เตรียมตัวไว้ ปลายเดือนนี้ถึงสิงหา. “นาฬิกากรรม” จะทำหน้าที่ “ตีบอกเวลา” เจ้ามาจากคุก ก็กลับไปเข้าคุก!
โอมมมม….อมิตพุทธ!
เปลว สีเงิน
๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๘
