สันต์ สะตอแมน
ไปเถอะๆ..เรื่องลูกสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด!
ผมหมายถึงคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มิ.ย. เพื่อแสดงความยินดีในงานรับปริญญา “นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์”..
ลูกชายวัย 21 ปี ที่เรียนจบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันน่ะ ซึ่งผมก็ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้ว่ากทม. เอาไว้ณตรงนี้ด้วยคน
และอย่าได้เที่ยวแซะ-แขวะชายผู้แข็งแกร่งในปฐพีไปเลย มันประเด็นยิบย่อยเล็กๆ น้อยๆ แกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันเสียบ้าง
อย่างการไม่ได้ไปต้อนรับนายกฯ ลุงตู่ในพิธีเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทรนั่นก็เช่นกัน เมื่อผู้ว่าฯ ยืนยัน..ไม่มีใครเชิญ ไม่รู้เรื่อง ถามปลัดแล้วไม่มีหนังสือเชิญ ถ้าเชิญมาไปแน่นอน เพราะเป็นนโยบาย
ก็..ขอให้เชื่อ อย่าได้ติดใจ คราวหน้ารัฐบาลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องรำลึกอยู่เสมอ งานในกทม.ที่นายกฯลุงตู่จะไป ถ้าอยากให้ผู้ว่าฯ ไปร่วมก็ต้องมีหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ..จำไว้!
ส่วนผู้สื่อข่าว (ไม่รู้สำนักไหน) ก็อย่าไปถาม.. “ทำไมนายชัชชาติไม่มาต้อนรับท่าน” อะไรทำนองนี้เลย เพราะทำให้อารมณ์นายกฯลุงตู่ของผมขุ่นมัวไปเปล่าๆ..
ใครเขาจะตอบคำถามแบบนี้ได้ ทางที่ถูก-ที่ควรต้องไปถามคุณชัชชาติ.. “ทำไมท่านผู้ว่าฯไม่ไปร่วมงานกับท่านนายกฯ ค่ะ (ครับ)”
ซึ่ง..เห็นมั้ย คำตอบก็จะได้.. “ไม่มีหนังสือเชิญ” เท่านี้ก็จบและเข้าใจ ไม่ต้องต่อความยาว-สาวความยืดให้ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองต้องอารมณ์เสียและมีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน
พอได้แล้วมั้ง กับการสร้างประเด็นให้เกิดวาทะโต้-ตอบเพื่อจะได้นำไป “พาดหัว” และ “ขายข่าว”น่ะ?
อ้อ..ท่านผู้ว่าฯ ครับ อย่าลืมช่วยไลฟ์เฟซบุ๊กพิธีรับปริญญาลูกชายสุดที่รักด้วยนะ ผมจะคอยตั้งหน้าตั้งตาดู แต่ระวังอย่าให้ติดภาพคนอื่นล่ะประเดี๋ยวเขาจะฟ้องเอา..แฮ่ะๆ!
พูดเรื่อง “ผู้ว่าฯ” แล้ว คราวนี้มาคุยเรื่อง “ผู้กำกับ” กันบ้าง ไม่ใช่ “พันตำรวจโท” ที่ไหนหรอก แต่ “ผู้กำกับภาพยนตร์” น่ะ!
พอดีว่าผมได้มีโอกาสโอภาปราศรัยกับบรรดาผู้กำกับภาพยนตร์มากหน้า ในงานส่งดวงวิญญาณ “เฉลิม วงศ์พิมพ์” ผู้กำกับฝีมือดีของวงการเมื่อวันก่อนนู้น
หนึ่งในนั้นที่ได้แหลง (คุย) กันตามประสา “สะตอรวมโหม้ง” คือคุณธนิตย์ จิตนุกูล ที่เวลานี้กำลังมีงานไหลมา-เทมาให้ทำจนมือเป็นระวิง
อยู่ๆ คุณปื๊ดก็เปรยขึ้นมาในวงสนทนาที่มีคุณสมเดช สันติประชา ผู้กำกับมือเก๋าอยู่ด้วย.. “หนังแบบ 7 ประจัญบาน ของเฉลิมมันขาดหายไปจากตลาดหนังไทยนานแล้ว พี่ว่าไหม”?
แต่ไม่ทันได้คำตอบ พี่ปื๊ดว่าต่อ.. “ตอนนี้มีคนจะให้ผมทำหนังเสาร์ห้า ผมไม่รู้ว่า ยุคสมัยนี้จะให้พระเอกทั้ง 5 คนไปสู้กับใคร”?
และก็ไม่ทันที่ใครจะตอบ พี่ปื๊ดแหลงต่อ.. “แต่ก่อน หนังไทยจะให้พระเอกสู้กับเจ้าพ่อ ผู้ทรงอิทธิพลค้ายา ค้าเฮโรอิน ค้าอาวุธ หรือเล่นใหญ่หน่อยก็สู้กับคอมมิวนิสต์เลย..
30-40ปีก่อน ก็มีแต่เรื่องคอมมิวนิสต์เป็นหลัก ต่อมาพระเอกก็สู้กับผู้ร้ายต่างชาติบ้าง ตำรวจ ทหารที่อยู่เบื้องหลังสิ่งผิดกฎหมายบ้าง”
“แล้วนักการเมืองล่ะ” ผมแทรกถาม.. “มันมีที่ไหนนักการเมืองชั่ว” พี่เดชมองค้อน.. “บ้านเรามีแต่นักการเมืองมีคุณภาพ-ดีๆทั้งนั้น” ก่อนที่จะหันไปทางพี่ปื๊ด..
“เอางี้ปื๊ด คุณทำเสาร์ห้าให้พวกพระเอกสู้กับด้านมืดของพวกผู้ร้ายอีแอบดีกว่า”.. “มันยังไงพี่”
“ก็..ตำรวจ-ทหารที่อยู่เบื้องหลัง คอยเป็นลูกพี่ให้พวกนักเลงหัวไม้ไง”
“เออ..จริงด้วย” ผมสอดก่อนเสนอ.. “แต่ถ้าใจถึงและให้ทันยุคสมัย พี่ปื๊ดต้องให้พวกเสาร์ห้าสู้กับศัตรูแผ่นดินไปเลยสิ”
“สะสะ..ศัตรูแผ่นดิน หมายถึงคระคระ..ใครเหรอ” พี่ปื๊ดสงสัย..
ยาฆ่าปลวกมั๊งพี่?