สันต์ สะตอแมน
ใกล้จะครบปีแล้ว..
แต่..คนพรรคเพื่อไทย-รัฐบาลก็ยังใช้เป็น “ข้ออ้าง-ข้อแก้ตัว” มาได้ตลอด!
ล่าสุด คุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กล่าวถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพลสะท้อนประชาชนไม่พอใจการทำงานรัฐบาลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ว่า..
“ต้องยอมรับว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาที่สะสมมา 9-10 ปี จากการรัฐประหารนั้นเป็นโจทย์ยาก
รัฐบาลต้องทำงานในมิติของการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และวางรากฐานเพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป..”
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า 9 ปี 10 ปีที่ผ่านมา การรัฐประหารที่ว่านั้นได้สร้างปัญหาสะสมอะไรเอาไว้บ้าง แต่เท่าที่ได้ดู-ได้เห็นและนับเป็น “ผลงานเด่น” ของคณะรัฐบาลในเวลานั้น..
เอาตามที่สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์บันทึกไว้ ก็จะมี..1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ 2.ขับเคลื่อนนวัตกรรมยกระดับสู่รัฐบาลดิจิทัล
3.เสริมสร้างการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.เพิ่มสวัสดิการสังคมทุกช่วงวัย 5.วางรากฐานคุณภาพการศึกษาสู่ศตวรรษที่ 21
6.วางรากฐานเกตรกรและเศรษฐกิจฐานราก 7.เร่งรัดพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และขับเคลื่อน EEC อย่างเป็นรูปธรรม 8.วางบทบาทงานต่างประเทศของไทยอย่างสร้างสรรค์
9.ปฏิรูปกฎหมายให้ทันสมัย โปร่งใส 10.ขับเคลื่อนมาตรการทางเศษฐกิจ 11.แก้ปัญหาสะสม และ 12.เดินหน้าแก้ปัญหา COVID
นี่..ไม่เห็นจะเป็น “โจทย์ยาก” ตรงไหน และมองไม่เห็นด้วยว่ามันมีปัญหาสะสมอะไร-อย่างไร ถ้าเผื่อรัฐบาลเพื่อไทยจะมีความจริงจัง-จริงใจ..
ก็แค่สานงานต่อไปพร้อมๆ กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง ขี้คร้านที่ชาวบ้านจะพึงพอใจ!
แต่ไม่..วันๆ พวกท่าน-รัฐบาลหัวหมุนยุ่งอยู่กับการแก้ “ปัญหาตัวเอง” เช่นการแก้รัฐธรรมนูญ การช่วยเหลือนักโทษไม่ให้ต้องติดคุกสักวันเดียว การจะหลุดจากเก้าอี้นายกฯ
การหาเงินมาแจก 5 แสนล้านตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงการเดินสายต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ส่วนงานด้านเศรษฐกิจ-ปากท้องชาวบ้านไม่มีปรากฏ..
ยกเว้น ขุดข้าวเก่า 10 ปีมาขาย..เก่งล่ะ!
และนั่นก็เก่ง..“ทักษิณ ออกลีลาปากเก่งประกาศใหญ่โตในงานบวช เท่ากับแสดงถึงไม่มีความกล้าจะติดคุก
ดังนั้น เวลาก่อนถึงวันที่ 18 มิ.ย.จึงอยู่ระหว่างการชั่งใจจะไปมอบตัวกับอัยการหรือไม่
ส่วนตนเชื่อว่า ทักษิณ ไม่ไปมอบตัวในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เพราะกลัวไม่ได้ประกันตัวและต้องติดคุก”
เอาล่ะสิ..ถูกเยาะเย้ยหยันจากอดีตลูก(รัก)น้องอย่างคุณจตุพร พรหมพันธุ์ เข้าแบบนี้ พี่สิน ไม่สิ นายทักษิณคงได้แต่ควันออกหู
เพราะขืนทำใจหาญ-ใจสู้ตามแรงยั่ว หมายถึงเดินไปมอบตัวกับอัยการอย่างองอาจ ก็กลัวพลาดท่าเสียทีไม่ได้ประกันตัวขึ้นมา เท่ากับ 17 ปีที่หนี (คุก) มา..
เสียท่า ไร้ราคา หมดศักดิ์ศรี เหมือนราชสีห์ขี้เรื้อนถูกล่อกลับมาติดกรง!
ฉะนั้น ก็อย่างที่คุณตู่ จตุพรว่า.. “ในทางการเมืองถ้ามีอะไรที่มีความกล้าผิดสังเกต นั่นแสดงถึงความขี้ขลาดกำลังเต็มที่แล้ว ยิ่งทักษิณ ไปแสดงความกล้าทางการเมืองในงานบวช
จึงเป็นลีลาของความกล้าผิดสังเกตมาก ย่อมทำให้มองเห็นอีกมุมว่า กำลังวางแผนหนี ที่สำคัญถ้าคณะผู้ดีลล็อกไว้ไม่ให้หนีจะเป็นเรื่องใหญ่มาก”
ใหญ่(มาก)แค่ไหน..กรูก็หนี(ว่ะ)!