นโยบาย ‘กู้เงิน-เก็บภาษี’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ช่วงฮันนีมูนก็ประมาณนี้แหละครับ

ถูกครับท่าน ดีครับนาย

แต่รัฐบาลใหม่ไม่มีเวลาให้ฉลองเหลือเฟือ ฉะนั้นต้องเริ่มงานให้เร็วที่สุด

“หมอมิ้งค์-พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” บอกว่า เศรษฐา กับ ทักษิณ มีความคล้ายกัน ทำงานเร็ว ทำงานเยอะ เยอะจนทำตามไม่ทัน

ก็ยินดีด้วยครับประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีทำงานฉับไว ไม่เชื่องช้า

แต่ทำไปโกงไปแบบทักษิณ อย่าเด็ดขาด เราไม่ต้องการผู้นำปล้นชาติอีกแล้ว

พรรคเพื่อไทยก็ควรเพลาๆ เชิดชู นักโทษชายทักษิณ ลงมาบ้าง

คนโกงชาติ สร้างความคับแค้นให้ประชาชนไว้มากมาย วันนี้ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว ทั้งตัว นักโทษชายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ก็ควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

อย่าบังอาจ มองข้ามพระราชหัตถเลขาพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษเด็ดขาด

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระบุถ้อยความชัดเจนนะครับ

นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร กระทำความผิดจริง

คอร์รัปชันจริง

รัฐบาลที่เชิดชูคนคอร์รัปชันไปไม่ไกลหรอกครับ

ฉะนั้นหากรัฐบาลเศรษฐาจะทำเพื่อประชาชนจริงๆ สิ่งแรกๆ ที่ต้องทำให้ชัดเจนคือ ต้องไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของ นักโทษชายทักษิณ

แค่การตั้ง ครม.เศรษฐา ก็อื้อฉาวพอแล้วครับ เพราะพบว่า นักโทษชายทักษิณ เข้ามาบงการด้วย

หากพบว่าการบริหารประเทศหลังจากนี้ อยู่ภายใต้การครอบงำของ นักโทษชายทักษิณ อายุของรัฐบาลจะสั้นลงอย่างที่คนในรัฐบาลไม่คาดคิด

นอกจากรัฐบาลเศรษฐาต้องสลัดภาพ นักโทษชายทักษิณ ออกไปแล้ว การแก้ไขปัญหาของประเทศ ก็ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง และชอบธรรมด้วย

ปัญหาเศรษฐกิจคือปัญหาใหญ่ แต่ไม่ใช่เศรษฐกิจช่วงขาลง

เราผ่านช่วงขาลงที่วิกฤตอย่างหนักมาแล้ว ในการทำสงครามกับโควิด-๑๙ ที่กระทบกับทุกประเทศทั่วโลก

สาหัสขนาดไหนทุกคนรู้ดี เพราะล้วนได้รับผลกระทบอย่างทั่วหน้า

มีคนตกงานจำนวนมาก เพราะบริษัท ห้างร้าน ปิดกิจการ

การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก ประชาชนเต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะทุกการเคลื่อนไหวต้องระวังการระบาดของโควิด-๑๙

แต่ขณะนี้เป็นช่วงขาขึ้น

โควิด-๑๙ ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง

การท่องเที่ยวกำลังสร้างเงินสร้างงานให้ประเทศไทย

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงขาลง กับช่วงขาขึ้น จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้นนโยบายของรัฐบาลที่จะทุ่มงบประมาณลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น จึงแทบไม่มีความจำเป็น

รัฐบาลต้องระวัง หากเริ่มต้นด้วยการตีโจทย์ผิด โดยเฉพาะนโยบายแจกเงิน Digital Wallet ให้ประชาชน ๕๐ ล้านคน หัวละหมื่นบาท ใช้งบประมาณ ๕ แสนล้านบาท อาจเป็นการแก้ปัญหาที่สูญเปล่า

สถานการณ์ปัจจุบัน ๕ แสนล้านบาทสามารถนำไปทำอะไรได้อีกเยอะแยะครับ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ

ครับ…เอกสารคำแถลงนโยบายที่ “เศรษฐา ทวีสิน” จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ ๑๑ กันยายน ที่เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ นั้น กว้างดุจดังมหาสมุทร

รายละเอียดน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการอารัมภบทเสียมากกว่า

ก็จะมีกรอบการแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

พรรคก้าวไกล เขาฉับไวปานกามนิตหนุ่ม รวบรัดเผยแพร่ผ่านโซเชียล ดูแล้วรัฐบาลต้องตอบกันเมื่อยปากแน่นอน

“…ด่วน! ช่วยกันตรวจคำสัญญาหาเสียงจากเอกสารที่ถูกคาดการณ์ว่าเป็นคำแถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐา 1 ไม่มีเรื่องให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีร่างใหม่ทั้งฉบับ? ไม่มีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ? ไม่มีรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย? คำสัญญาหาเสียงหายไปเยอะขนาดนี้ เราหวังว่าเอกสารนี้จะยังไม่ใช่ฉบับจริง มารอลุ้นเอกสารทางการอีกครั้ง พร้อมจับตาในการแถลงนโยบายรัฐบาลและติดตามการอภิปรายของพรรคก้าวไกล เร็วๆ นี้…”

ถือเป็นการโหมโรงฉายหนังตัวอย่าง

ว่าไปแล้วเอกสารแถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐาค่อนข้างสั้น

มีแค่ ๑๔ หน้า

ขณะที่คำแถลงนโยบายรัฐบาลประยุทธ์มีถึง ๓๕ หน้า

สูสีกับคำแถลงนโยบายรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มี ๓๖ หน้า

ส่วนคำแถลงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นยาวกว่ามากครับ มีทั้งสิ้น ๔๔ หน้า

ฉะนั้นคำแถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐาที่มีเพียง ๑๔ หน้านี้ จะมีการพูดถึงกรอบกว้างๆ เท่านั้น

แล้วทำไมไม่แถลงให้ยาวเพื่อที่ประชุมรัฐสภาจะเข้าใจได้มากขึ้น ก็ต้องไปถามทีมของนายกฯ เศรษฐาครับว่าทำไมเขียนไว้แค่นั้น

กระชับ แต่ขาดรายละเอียด มันก็เป็นปัญหาครับ

เช่นนโยบายเงิน Digital Wallet

“…นโยบายการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เราจะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก เกิดการจับจ่ายใช้สอยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาซน และภาคธุรกิจที่จะขยายการลงทุน ขยายกิจการ เกิดการผลิตสินค้าที่มากขึ้น นำไปสู่การจ้างงาน สร้างอาชีพและเกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกหลายรอบ รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี…”

มีแค่นี้ครับ ไร้รายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น

เป็นไปได้หรือเปล่าว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลเองก็ยังไม่รู้ว่างบประมาณ ๕ แสนล้านบาท จะเอามาจากไหน

จะเล่นแร่แปรธาตุอย่างไร

จะเหมือนยุครัฐบาลทักษิณ ใช้เงินนอกงบประมาณ หรือโยกจากส่วนอื่นมาผลาญหรือไม่

ก็ต้องรอดูวันแถลงนโยบาย ๑๑-๑๒ กันยายน ว่าจะมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

นโยบายแก้รัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเศรษฐา ยืนยันยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์

ที่ชัดเจนคือจะทำประชามติ แต่จะมี ส.ส.ร.หรือเปล่า ไม่มีรายละเอียด แต่ก็ถือว่ามีติดเป็นหัวเชื้อ

รัฐบาลลุงตู่มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐบาลเศรษฐาก็มีครับ สวัสดิการโดยรัฐ

ค่าแรงขั้นต่ำระบุไว้กว้างๆ ว่า สร้างชีวิตของคนไทยให้มีเกียรติ มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม

สอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี รวมทั้งสามารถเข้าถึงระบบสวัสดิการที่เหมาะสม

แต่ที่ระบุชัดเจน ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริหารประเทศคือ…

“…ในการบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินนโยบายนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างมีเป้าหมายทั้งในด้านการเจริญเติบโต การลดความเหลื่อมล้ำ และการรักษาเสถียรภาพ ให้ความสำคัญกับกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศในด้านการใช้จ่าย รัฐบาลจะดำเนินการใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม โดยพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณทั้งในส่วนของเงินกู้และการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศรวมทั้งพิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายเพื่อลดภาระการลงทุนจากงบประมาณแผ่นดินและการกู้เงิน ขณะเดียวกันรัฐบาลตระหนักถึงข้อจำกัดด้านรายได้โดยเฉพาะรายได้จากภาษีของประเทศ รัฐบาลจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวจะกลับเข้าสู่ระบบภาษีที่จะนำไปใช้ในการดำเนินนโยบายต่อไปได้…”

สรุปสั้นๆ รัฐบาลเตรียมกู้เงินครับ และเล็งเงินนอกงบประมาณส่วนอื่นๆ มาใช้ด้วย

ที่สำคัญ ภาษี ครับ

รัฐบาลจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี จะเพิ่มวิธีไหนก็รอฟัง

จะเก็บภาษีเพิ่มหรือเปล่า รอลุ้นครับ

Written By
More from pp
“บิ๊กป้อม” โชว์ผลงานแก้แล้งผลงานผมเอง อ้อนถ้าอยากให้เป็นนายกฯ ต้องเลือก พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็น
เมื่อเวลา 11.20 น. 22 เมษายน 2566 รถไฟขบวนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับแกนนำพรรค...
Read More
0 replies on “นโยบาย ‘กู้เงิน-เก็บภาษี’ – ผักกาดหอม”