ตามล้างตามเช็ด – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

นึกว่าจะต้องหลับยาวซะแล้ว…

ฟังอภิปรายงบประมาณในสภาคราวนี้ ก็เพลินดีนะครับ แม้จะมีตัวเลขลอยมาเยอะไปหมด แต่บางช่วงบางตอน ถึงกับตาสว่าง

เรื่องของเรื่องคือ หนนี้ฝ่ายค้านกะจะสอยรัฐบาลให้ได้

ฉะนั้นการปะทะคารมจึงเกิดเป็นระยะๆ เริ่มต้นมาก็เลือดสาดกันแล้ว

ตามข่าวรายงานว่า คู่ระหว่าง “ชลน่าน ศรีแก้ว” กับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประเดิมมาแทบจะรู้ผลแพ้ชนะกันเลยทีเดียว

ก็เพราะใช้โวหารมากกว่าตัวเลข ถึงได้พาคนแดนไกลซวยไปด้วย

ประกบวาทะ “ชลน่าน-ประยุทธ์” ได้เห็นลีลาที่แตกต่าง

ลองดูนะครับ…

หลัง “ลุงตู่” เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ ต่อสภาเสร็จ ถึงคิว “ชลน่าน” ร่ายต่อ เพราะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา

ทำการบ้านน้อยไปหรือเปล่าไม่ทราบได้ หรือตั้งหน้าตั้งตาล้มรัฐบาลมากเกินไป จากที่ต้องชำแหละเนื้องบประมาณ กลับอภิปรายประเด็นการเมืองเป็นหลัก

 “…จากรัฐบาลที่หมดสภาพ จัดงบแบบสิ้นหวัง ส่อโกง ส่อเอาไปเอื้อประโยชน์ เราจึงรับงบประมาณฉบับนี้ไม่ได้ ให้มันตกไปพร้อมกับรัฐบาลครับ เราจะได้เปลี่ยนรัฐบาลกันใหม่ พี่น้องประชาชนจะได้มีความสุข

สรุปสุดท้ายนะครับ ถ้างบประมาณฉบับนี้ไม่ผ่านวาระรับหลักการ ท่านคือผู้คืนความสุขให้กับประชาชน…”

“ชลน่าน” ยังไม่ทันได้หย่อนก้น “ลุงตู่” ลุกขึ้นชูมือขอใช้สิทธิชี้แจง

“…ไม่เหมือนสมัยก่อนบางคน ท่านพูดมา ผมก็พูดไป ได้มีการประกาศไว้ว่าถ้าไม่เลือกก็ไม่ให้ ในเรื่องส่อโกงต่างๆ ก็ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องร้องกันไป

กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ในกระบวนการยุติธรรม มีติดคุก หนีคดีหรือไม่ ขอบคุณครับท่านประธานครับ…”

ครับ…ดูไปมันก็แค่ปะทะคารมกันธรรมดา ไม่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน แต่นี่แหละครับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการเมืองไทย

คำพูดของนักการเมือง เมื่อเป็นเรื่องอัปยศ มันจะถูกจดจำไปนานแสนนาน

ในอดีตเราเคยมีนายกรัฐมนตรีประกาศสร้างความแตกแยกของคนในชาติ ด้วยการช่วยคนที่เลือกตัวเองก่อน

ส่วนที่ไม่เลือกเอาไว้ทีหลัง

ปี ๒๕๔๘ “ทักษิณ ชินวัตร” พูดกับชาวบ้านที่หอประชุมโรงเรียนบรรพตพิทยาคม อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

 “…ผมตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ

จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย สื่อมวลชนอยู่ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับสำหรับผม

วันนี้คิดกับประชาชนอย่างไร ก็อยากเห็นคนทั้งประเทศไม่ว่าอยู่ที่ไหน เลือกหรือไม่เลือกผม ก็อยากให้ทุกคนหายจน แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ต้องไล่ลำดับกันไป แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ…”

น่ากลัวตรงที่ “ทักษิณ” บอกว่าพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย

ก็แสดงว่า “ทักษิณ” เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกหมด

แม้กระทั่งเรื่องการเลือกให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อน ส่วนใครที่ไม่เลือกเอาไว้ทีหลัง

นี่คือทัศนคติของผู้นำประเทศที่พาประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง

เป็นเครื่องยืนยันว่า ความวิบัติทางการเมืองมันเริ่มมาจากนักการเมืองที่เล่นการเมืองเพื่ผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง

ครับ…แม้จะเป็นเรื่องในอดีต แต่เป็นตราบาปที่ติดมาถึงพรรคเพื่อไทย และจะติดไปจนตาย ไม่มีทางสลัดพ้น

สังคมจดจำว่า พรรคการเมืองของตระกูลชินวัตร สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ก่อนเกิดรัฐประหาร ๒๙ กันยายน ๒๕๔๙ ด้วยซ้ำ

เราเข้าสู่ยุคนักการเมืองคอร์รัปชันครองเมือง หลายคนติดคุก หลายคนหนีไปต่างประเทศ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็อยู่ในก๊วนนี้

มาวันนี้ฝ่ายค้านสับ “ลุงตู่” ในสภาว่าจัดงบไม่ตรงเป้า จัดงบหวังการเลือกตั้งเป็นเป้าหลัก หากปล่อยให้บริหารประเทศต่อ ประชาชนจะลำบาก

พูดจาลอยไปลอยมา ไม่มีตัวเลขประกอบ ทั้งที่เป้าหมายการจัดงบประมาณมีความชัดเจน ส่วนหนึ่งก็คือตั้งงบประมาณตามล้างตามเช็ดอาจมที่รัฐบาลระบอบทักษิณทิ้งเรี่ยราดเอาไว้

ที่ฝ่ายค้านด่า “ลุงตู่” ว่าจัดงบเพื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในปีสองปีนี้ มุมหนึ่งก็น่าจะจริงครับ แต่เป็นความจริงที่ไม่เหมือนความจริงของพรรคเพื่อไทย

ที่ “ลุงตู่” ชี้แจงก็ตามนี้ครับ

“…ตั้งแต่ปี ๕๔ โครงการจำนำข้าวขาดทุน ๙.๕ แสนล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว ๗.๘ แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก ๓ แสนล้านบาท

ย้ำว่าเราต้องให้เบ็ดตกปลา และต้องให้ปลาไปด้วย เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ อยู่รอดปลอดภัย…”

ถ้าบอกว่ารัฐบาลตั้งงบเพื่อโกง นี่ก็คือหลักฐานยืนยันว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบแทนรัฐบาลขี้โกง

ฉะนั้นเลือกตั้งคราวหน้าก็ดูเอาไว้นะครับว่า รัฐบาลประยุทธ์ต้องตั้งงบประมาณตามล้างตามเช็ดผลงานชิ้นโบดำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เดี๋ยวจะหาว่าอะไรๆ ก็ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

งั้นไปดูคำอภิปรายร่างงบประมาณแผ่นดินของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล

“…๗๐% ของงบประมาณ ๓.๑๘ ล้านล้านบาท หมดไปกับอดีต เหลือใช้จริงไม่ถึง ๑ ล้านล้านบาท หรือ ๓๐% ที่จะนำมาฟื้นฟูประเทศ สร้างความหวังให้ประชาชน ถือว่าเป็นปัญหา

แต่ยังสามารถทำให้ประชาชนมีความหวังได้ ด้วยการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ ยุติธรรม แต่พอดูรายละเอียดปรากฏว่างบภาคการเกษตร ๕.๗ หมื่นล้านบาท เป็นการชำระหนี้ให้กับนโยบายประกันกับจำนำข้าวย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๕๑…”

ก็เสียดายนิดหนึ่ง “พิธา” พูดไม่ครบ จำนำข้าวที่สร้างความเสียหายหนักคือช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์

แต่ก็ไม่เป็นไร แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่า งบประมาณแผ่นดินที่ควรจะนำไปใช้พัฒนาประเทศกลับต้องมาหมดไปกับการตามชดใช้ความผิดให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต

คำอภิปรายของ “พิธา” ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ และควรรับฟัง นั่นคือ งบประมาณแผ่นดินของเราหมดไปกับงบประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการ เงินบำนาญ

ที่น่าสนใจเพราะ ในสังคมผู้สูงอายุนั้น งบประมาณแผ่นดินที่เป็นงบประจำจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนในวัยเกษียณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่งบลงทุนหดไปเรื่อยๆ เช่นกัน

เรื่องนี้จึงต้องหาทางออก อาจถึงขั้นต้องปฏิรูประบบราชการ ลดจำนวนข้าราชการลง

นี่คือโจทย์ไม่ว่านักการเมืองฝ่ายไหนต้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา แทนที่จะใช้โวหารเขย่าเก้าอี้เพราะอยากมีอำนาจกัน

แต่ที่แน่ๆ ก่อนนี้พรรคระบอบทักษิณได้เป็นรัฐบาลต่อเนื่องกันหลายปี กลับไม่มีมีแนวคิดลดขนาดระบบราชการลง

ครับ…นั่งฟังสภาคุยกันเรื่องงบประมาณ มันก็เหมือนไฟฉายส่องให้เห็นว่าประเทศไทยยังต้องพัฒนาในหลายส่วนอีกเยอะ

ฉะนั้นนักการเมืองที่ได้อำนาจไปแล้ว ไม่ควรใช้อำนาจในทางฉ้อฉล ก่อปัญหากับงบประมาณแผ่นดิน เหมือนพรรคเพื่อไทยเคยทำ

สุดท้ายต้องมาตั้งงบประมาณชดใช้เป็นแสนๆ ล้านบาท



Written By
More from pp
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เผย รัฐบาลไม่ได้ห้ามการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในห้องปฏิบัติการ ย้ำทุกห้องปฏิบัติการต้องมีการตรวจที่มีมาตรฐาน
7 กรกฎาคม 2564 ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)...
Read More
0 replies on “ตามล้างตามเช็ด – ผักกาดหอม”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
'); }); var ratingTotalIndicator = function() { var indicator = document.querySelectorAll('.rating-total-indicator'); if (typeof indicator === 'undefined' || indicator === null) { return; } for ( var i = 0, len = indicator.length; i < len; i++ ) { var circle = indicator[i].querySelector('.progress-ring__circle'); var radius = circle.r.baseVal.value; var circumference = radius * 2 * Math.PI; circle.style.strokeDasharray = `${circumference} ${circumference}`; circle.style.strokeDashoffset = `${circumference}`; function setProgress(percent) { const offset = circumference - percent / 100 * circumference; circle.style.strokeDashoffset = offset; } var dataCircle = indicator[i].getAttribute('data-circle'); setProgress(dataCircle); } }; ratingTotalIndicator(); var slideDock = function() { var slide_dock = document.querySelector('.slide-dock'); if (typeof slide_dock === 'undefined' || slide_dock === null) { return; } function isVisible (elem) { var { top, bottom } = elem.getBoundingClientRect(); var vHeight = (window.innerHeight || document.documentElement.clientHeight); return ( (top > 0 || bottom > 0) && top < vHeight ); } viewport = document.querySelector('#footer'); window.addEventListener('scroll', function() { if ( isVisible(viewport) ) { slide_dock.classList.add('slide-dock-on'); } else { slide_dock.classList.remove('slide-dock-on'); } }, false); var close = document.querySelector('.close-dock'); close.addEventListener('click', function(e) { e.preventDefault(); slide_dock.classList.add('slide-dock-off'); }); }; slideDock();