วันนี้ (24 ธ.ค. 63) เวลา 11.50 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ยกระดับของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้มข้นในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีมาตรการยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. พื้นที่ควบคุมสูงสุด 2. พื้นที่ควบคุม 3. พื้นที่เฝ้าระวังสูง และ 4. พื้นที่เฝ้าระวัง ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะผ่านการพิจารณาจากผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรการสถานศึกษา สถานที่ทำงาน โดยเฉพาะมาตรการการจัดกิจกรรมสาธารณะที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนได้
อย่างไรก็ตามการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รวมทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่กรมควบคุมโรคได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสถานประกอบการค้าสัตว์น้ำ และในบางพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศด้วย ในระยะนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองปลอดภัย
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแรงงานต่างด้าวว่า วันนี้แรงงานต่างด้าวควรอยู่ในพื้นที่เพื่อแยกให้ชัดเจนระหว่างผู้มีความเสี่ยงมากกับผู้ที่มีความเสี่ยงน้อย ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า จะมีการพิจารณามาตรการในการให้แรงงานต่างด้าวทำงานได้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากตอนนี้ผู้ประกอบการยังต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก โดยจะยังไม่มีการลงโทษแรงงานที่ผิดกฎหมายแต่จะต้องตรวจสอบและขึ้นบัญชีให้เรียบร้อย เพื่อให้คนเหล่านี้เข้าสู่ระบบตามความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง โดยเน้นผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้มอบอำนาจลงไปแล้วให้เน้นดูแลพื้นที่รวมทั้งปราบปรามการทุจริต
นายกรัฐมนตรียืนยันว่าโรคโควิด-19 สามารถรักษาได้ ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมดูแลคนในประเทศทั้ง 70 ล้านคน ทั้งนี้ สาธารณสุขมีความพร้อมและสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ มั่นใจทุกคนให้ความร่วมมือตามแนวทาง “รวมไทย สร้างชาติ” โดยในตอนท้ายนายกรัฐมนตรียังกล่าวผ่านการแถลงข่าวว่า “คนไทยทั้งประเทศ ลุงตู่ห่วงใย” ด้วย