ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
“ขอแนะนำว่า..
คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป ควรที่จะมีคุณสมบัติที่สามารถทำงานร่วมกับทางสภากทม.ได้ดี..
และต้องมีความรู้ มีภาวะผู้นำ เป็นที่ยอมรับจากประชาชน ทำงานร่วมกับข้าราชการได้และมีความเป็นอินเตอร์ สามารถทำงานในเวทีระดับสากลได้”
เนี่ย..อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ “สมัคร สุนทรเวช” ได้เคยเอ่ยปากฝากไว้เมื่อครั้งอำลาจากตำแหน่ง และยังพูดเหมือนกับจะยอมรับกลายๆ ด้วยอีกว่า..
การบริหารงานกรุงเทพฯนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หรือทำอะไรก็ได้ตามที่คิด-ต้องการ!
ฉะนั้น..ที่บรรดาว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กำลังหาเสียง เสนอขายไอเดียกันอยู่ในขณะนี้ ก็ฟังได้แต่อย่าไปหลงคารม-ลมปาก หรือฝากความหวังอะไรให้มากนัก..
เอาแค่..รัก-ชอบใครก็ไปเข้าคูหา-กาเบอร์ เพราะเชื่อเหอะที่หาเสียง-คุยโม้กันอยู่นั้น มันเรื่องเพ้อฝันทั้งเพ!
เอ้า..ว่าจะไม่ข้องแวะแล้วเชียว แต่อ่านข้อความจากสื่อออนไลน์ที่นำมาเผยแพร่ก็ให้รู้สึกคันมือ-คันใจขึ้นมาตะหงิดๆ
ที่อวยไส้แตกน่ะ อ๊วกจนล้นกระโถนไปแล้ว แต่ที่กำลังพูดถึงก็ความเห็นของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต..
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า.. “การเป็นตระกูลการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบตัดสินถึงพฤติกรรมทางการเมืองในอนาคต ไม่เช่นนั้น เราคงตัดสินว่า ศิลปอาชา อัศวเหม คุณปลื้ม จึงรุ่งเรืองกิจ
หรือแม้แต่ จันทร์โอชา ล้วนเป็นปัญหาหมด”
ถ้าสายตานายสมชัยมองได้แค่นี้ ก็ให้เป็นห่วงม.รังสิตอยู่เหมือนกัน เพราะตำแหน่ง ผอ.ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา น่าจะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลมากกว่านี้
ประเด็นถัดมา.. “การเข้าสู่การเมือง ด้วยการเลือกตั้ง ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะท้ายสุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินให้เขาไปต่อหรือไม่
การใช้อำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหาร เขียนกติกาเพื่อความได้เปรียบ กวาดต้อนนักการเมืองมาเป็นพวก ด้วยอำนาจและด้วยเงิน เพื่อหวังอยู่ในอำนาจต่อสิ ถึงเรียกว่า สืบทอดอำนาจ”
ก็..ชัดเจน นอกจากวิชั่นสั้นแล้ว อคติยังบดบังใจ จนทำให้พูด (เขียน) ไม่อยู่กับร่องกับรอย..จำได้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา นายสมชัยได้ลงแข่งกับเขาด้วยภายใต้เสื้อประชาธิปัตย์แล้วสอบตก
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ามาเป็นนายกฯตามกติกา-เลือกตั้งทุกอย่าง แม้จะถูกกล่าวหาใช้อำนาจรัฐประหารเขียนกติกาเพื่อความได้เปรียบ
แต่หากประชาชนไม่เอาด้วย-ไม่ให้ไปต่อ ต่อให้มีเงิน-มีอำนาจ ก็ยากที่จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ และในเมื่อพูดเองว่า “การเข้าสู่การเมือง ด้วยการเลือกตั้ง ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ”..
แล้วนายสมชัยจะพล่ามซ้ำๆซากๆ “สืบทอดอำนาจๆๆ” อยู่ทำไม ให้เหม็นขี้ฟัน..หือ?
ประเด็นท้าย.. “อย่ากลัวผู้หญิงคนหนึ่งมากจนเกินเหตุ จงโบกมือต้อนรับทักทายเธอ และให้กำลังใจในเส้นทางที่ยากลำบาก ส่งความหวังและความปรารถนาดีถึงเธอ
ว่าหากเธอประสบความสำเร็จเธอจะนำประเทศสู่ความเจริญก้าวหน้า”
ถาม..ใคร-หน้าไหนหรือที่กลัว เห็นมีแต่คนเขาปรารถนาดี-หวังดีกับผู้หญิงคนนั้นซะมากกว่า ที่ออกมาพูด-วิจารณ์ก็ด้วยเมตตา แนะนำ-ชี้ทาง (ที่ยากลำบาก) ให้ไปสู่จุดหมาย..
ด้วยความราบรื่น-ปลอดภัย สมดังใจของบุพการีที่ผลักดัน!
นายสมชัยไม่ต้องห่วงหรอกในเรื่องนี้ แต่ให้ห่วงตัวเองเถอะว่า เลือกตั้งคราวหน้า..
จะได้เข้าสภาหรือไม่ ตะหากล่ะ!