กรมราชทัณฑ์ เน้นย้ำทุกเรือนจำ ดูแลรักษาผู้ต้องขังอย่างเป็นมาตรฐาน พร้อมเร่งฉีดวัคซีนผู้ต้องขังทุกรายให้ครบโดส และรับเข็มกระตุ้นตามระยะเวลา

14 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ.

เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 11/2565

โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน พบว่า สถานะเรือนจำสีขาวในวันนี้อยู่ที่ 130 แห่ง และเรือนจำสีแดง 12 แห่งคงเดิม โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำระบาดใหม่ 4 แห่ง และที่พบการระบาดเพียงบางส่วนอีก 4 แห่ง ขณะที่เรือนจำอีก 4 แห่งที่เหลือ สามารถลดการระบาดและอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) ซึ่งจะพ้นจากการระบาดได้ในระยะต่อไป

ขณะที่ผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 69 ราย โดยทั้งหมดเป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก จึงมีผู้ติดเชื้อยืนยันที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 1,310 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 90% กลุ่มสีเหลือง 9.5% และกลุ่มสีแดง 0.5% มีผู้ติดเชื้อยืนยันรักษาหายสะสม 88,341 ราย หรือ 96% ของผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมทั้งหมด 92,237 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 4 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 197 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้ติดตามสถานการณ์ของเรือนจำที่พบการระบาดแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า สถานการณ์โดยทั่วไปยังคงไม่น่ากังวล เพราะมีการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ

แต่อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เรือนจำ/ทัณฑสถานทุกแห่ง แบ่งพื้นที่เพื่อบริหารงานเรือนจำออกเป็นสัดส่วน อาทิ พื้นที่เพื่อกักตัวผู้ต้องขังรับใหม่ พื้นที่กันชน พื้นที่รักษาผู้ติดเชื้อ และพื้นที่สำหรับผู้ที่ยังตรวจไม่พบเชื้อ โดยจะต้องกำหนดเป็นแผนการบริหารงานอย่างชัดเจนและเป็นมาตรฐาน เพื่อรองรับการบริหารงานภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ที่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเน้นย้ำการดูแลรักษาผู้ต้องขังทุกรายให้เป็นมาตรฐาน ทั้งการให้ยาและรักษาผู้ติดเชื้ออย่างทันท่วงที มีการส่งต่อการรักษาอย่างเป็นระบบ รวมถึงการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีความรุนแรงของโรคมากเป็นพิเศษเมื่อติดเชื้อ โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังทุกรายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ครบโดสและต้องได้รับเข็มกระตุ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยพบว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 248,270 ราย หรือคิดเป็น 93.2% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 266,392 ราย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 22 ราย และอยู่ระหว่างการรักษาตัวรวมจำนวน 344 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 83 ราย เด็กและเยาวชน 261 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 28 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 26 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ และอีก 2 แห่งหมดสถานะ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน จำนวน 3,371 ราย หรือคิดเป็น 91% จากทั้งหมด 3,704 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 4,005 ราย หรือคิดเป็น 93% จากทั้งหมด 4,303 ราย


Written By
More from pp
“พาณิชย์” บุก มณฑลกวางตุ้ง จุรินทร์ นำ SMEs ออกบูธงาน CISMEF ครั้งที่ 17 ในจีน เน้นโอกาสและรายได้เข้าประเทศ
23 กันยายน 2564 เวลา 09.00 น.รายงานข่าวกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว บูรณาการร่วมกับสถานกงสุลใหญ่...
Read More
0 replies on “กรมราชทัณฑ์ เน้นย้ำทุกเรือนจำ ดูแลรักษาผู้ต้องขังอย่างเป็นมาตรฐาน พร้อมเร่งฉีดวัคซีนผู้ต้องขังทุกรายให้ครบโดส และรับเข็มกระตุ้นตามระยะเวลา”