“ทิพานัน” สวนเพื่อไทยมั่นใจ ปี 65 บูมท่องเที่ยว เดินหน้าเชิงรุกตลาดใหม่กว่า 130 แห่งทั่วโลก ชู Phuket Metaverse City ดันท่องเที่ยวดิจิทัล ยันนายกฯ สั่งการเกาะติดทุกปัญหา พร้อมแผนรองรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวชัดเจนตั้งแต่มัคคุเทศก์-ธุรกิจขนาดใหญ่ ชี้ไทยยังเป็นประเทศยอดนิยม ห่วงแต่การเมืองฝ่ายค้านไม่ช่วยก็อย่าทำลาย
14 มีนาคม 2565-น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวที่จะลดน้อยลงจากผลกระทบสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนว่า
นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลกระทบด้านต่างๆ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรอบด้าน พร้อมแผนรองรับ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญ ได้ดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการเยียวยาต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเยียวยามัคคุเทศก์ มาตรการชดเชยรายได้แก่แรงงาน ลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ มาตรการเงินกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด มาตรการช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และมาตรฐาน SHA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวและรักษาความเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการพิจารณาปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักรให้สอดรับกับมติดังกล่าวของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยจะดูขีดความสามารถการแข่งขันในการเปิดประเทศบนพื้นฐานความปลอดภัยของคนไทย หลังจากหลายประเทศมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
อีกทั้งเมื่อมีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค.2565 อาจนำไปสู่การยกเลิกไทยแลนด์พาส ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป อาเซียน และอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญจากการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย อันเป็นผลงานจากความพยายามและใส่ใจของนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้มีแผนความร่วมมือด้านต่างๆระหว่างกัน หนึ่งในนั้นคือ แผนความร่วมมือด้านท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะนำภาคเอกชนไปโรดโชว์ที่ซาอุดีอาระเบีย
ตั้งเป้าเบื้องต้นดึงท่องเที่ยวเข้าไทย 2 แสนคน สร้างรายได้ 2 หมื่นล้าน เป็นการเปิดตลาดใหม่ที่ไทยเคยสูญเสียจากตลาดนี้มานานกว่า 30 ปี
และเมื่อ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MoC) ร่วมกับสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวสู่ประเทศไทย ผ่านเครือข่ายตัวแทนในตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญกว่า 130 ประเทศทั่วโลก พร้อมจัดโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในแต่ละประเภทด้วย
อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังมีวิสัยทัศน์และสนใจด้านเทคโนโลยีทันสมัยที่นำมาประยุกต์ต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Phuket Metaverse City ที่จะเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจยุคดิจิทัลได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่นอกเหนือการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบเดิมและเป็นแรงกระตุ้นให้เดินทางมาท่องเที่ยวสถานที่จริงได้มากขึ้น
“นายกรัฐมนตรีได้ติดตามและให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นฐานให้เกิดรายได้ในภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งหากขับเคลื่อนตามแผนเชิงรุกที่รัฐบาลวางไว้เชื่อมั่นว่า การท่องเที่ยวในปีนี้จะกลับมาคึกคัก โดยไทยยังเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมและสนใจจากผู้คนทั่วโลก ติดอันดับ 11 ประเทศที่น่าใช้ชีวิตหลังเกษียณของโลก และเป็นอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย
ประกอบกับมาตรการต่างๆ ก็สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ขอให้พรรคเพื่อไทยแกนนำฝ่ายค้านที่ไม่สามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ หยุดสื่อสารความคิดด้านลบทำลายบรรยากาศ ควรแสดงความจริงใจที่จะเห็นใจผู้ประกอบธุรกิจโดยการหยุดให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ค้านตลอดโดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว
