‘ดร.เอ้’ คนมีของ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็ไม่แน่…

หน่วยก้าน “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ดูเข้าท่าทีเดียว

ถ้าพิจารณาจากการเปิดตัวเมื่อวานซืน (๑๓ ธันวาคม) มองด้วยใจเป็นกลาง ถอดอคติทางการเมืองออกไป ถือว่าคุณภาพในระดับเต็มแก้ว

ทำการบ้านมาดีพอควร

แม้กระทั่งปูมประวัติส่วนตัว ก็เอื้อต่อตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.มากกว่า แคนดิเดตทุกคนที่เปิดตัวให้เห็นมาบ้างแล้ว หลายขุม

แต่ก็ต้องถามคนกรุงเทพฯ ว่า…

ต้องการคนแบบไหนเป็นผู้ว่าฯ กทม.

หากสลัดภาพความขัดแย้งทางการเมืองออกไปไม่ได้ ใครก็ตามที่ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ยี้หมด ไม่เลือก

มันก็เป็นกรรมของเมืองกรุง

ครับ…มุมมองในการมองคน ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งข้อเท็จจริงของคนก็มีชุดข้อมูลที่แตกต่างกัน

ชั่วดีถี่ห่าง มีด้วยกันทั้งนั้น

แต่…คนหนึ่งมักเหมาะกับเหตุการณ์หนึ่ง สถานการณ์หนึ่ง

ขณะที่อีกคน หรือคนอื่นๆ แม้จะเก่งกว่า ดีเลิศกว่า กลับไม่เหมาะกับสถานการณ์เดียวกัน

ถามว่า “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” กับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ใครเหมาะจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.มากกว่ากัน

มันตอบยาก

“ชัชชาติ” ผ่านการเมืองระดับประเทศมาแล้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ผลงานเด่นถูกระบุว่า ให้ความสำคัญกับการขนส่งระบบรางเป็นพิเศษ

แก้แบบสถานีกลางบางซื่อให้รองรับรถไฟความเร็วสูง

แก้แบบสายสีแดงเข้มจาก ๓ ทางเป็น ๔ ทาง เป็นต้น

แต่ในทางเทคนิค ลองไปถาม “จุฬา สุขมานพ” ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)  ในขณะนั้นว่า ใครชง

แต่น่าเสียดายอยู่ในตำแหน่งร่วม ๒ ปี ไม่สามารถแก้ปัญหารถเมล์สาย ๘ ได้

ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ

ย้อนกลับไปปี ๒๕๕๖ กรณีรถเมล์สาย ๘ สายที่บริการได้ห่วยที่สุด เป็นเรื่องจริงจังมาก ประชาชนผู้ใช้บริการตั้งความหวังว่า รัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งสุดในปฐพี จะสามารถแก้ปัญหาได้

“ชัชชาติ” เองขยันขันแข็งที่จะแก้ปัญหา ทุ่มทุนถึงขนาดไปนั่งเอง

วันนั้น “ชัชชาติ” โพสต์เฟซบุ๊กฝากถึงแฟนคลับว่า…

“…วันนี้มาลองขึ้นรถเมล์สาย ๘ ทั้งขาออกและขาเข้าเมือง

รถที่ผมได้นั่งทั้งสองคันไม่ซิ่งมากนัก (สงสัยเพราะว่ารถติด)

คุยกับกระเป๋า น้องเขาบอกว่าคนขับกับกระเป๋าไม่มีเงินเดือนครับ ต้องแบ่งรายได้จากค่าตั๋ว เลยต้องพยายามรับผู้โดยสารให้ได้เยอะๆ

น้องกระเป๋าเริ่มงานตี ๕ ถึง ๕ ทุ่ม ส่วนรายได้พออยู่ได้  แต่ต่างจาก ขสมก.ที่พนักงานมีเงินเดือนประจำ และแบ่งจากค่าตั๋วนิดหน่อยครับ

เพราะฉะนั้นสาย ๘ เป็นปัญหาของการบริหารจัดการรถร่วมในภาพรวมครับ

เรามีรถร่วมให้บริการประมาณครึ่งหนึ่ง และรถ ขสมก.อีกครึ่ง ซึ่งปัญหานี้สะท้อนให้เห็นปัญหาในระดับของการบริหารจัดการรถร่วมครับ ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ให้อยู่ร่วมกันได้ และมีคุณภาพที่ดีด้วย…”

ถ้ารัฐมนตรีโหนรถเมล์ โชเฟอร์กล้าซิ่ง ก็นับถือล่ะครับ

จนถูกรัฐประหารไปเมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาใดๆ

รถเมล์สาย ๘ ยังคงเป็นตำนานสายนรกมาจวบจนถึงทุกวันนี้

ชนิดรัฐบาลลุงตู่ ที่เขาว่าเป็นเผด็จการยังจัดการอะไรไม่ได้

ครับ…เรื่องรถเมล์ เรื่องรถติด การเดินทาง เป็นปัญหาหนักอกของคนกรุง

ขสมก. เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม

เรื่องน้ำท่วมอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าฯ กทม. ภายใต้รัฐบาลกลาง

และปัญหาอีกสารพัดมีผู้รับผิดชอบบ้าง ไม่รับผิดชอบบ้าง แต่ผลคือคนกรุงเดือดร้อน

ฉะนั้นหากผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใดสามารถสังเคราะห์ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาในภาพรวมที่เป็นรูปธรรมได้

คนนั้นควรเป็นผู้ได้รับเลือก

ผมถูกใจในมุมมองของ “คุณปลื้ม-หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์  เทวกุล” ที่บอกว่า….

“สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ – ดร.เอ้ ควรได้เป็นนายกฯ โชคดีสำหรับเมืองไทยที่ยังได้คนที่มีความมานะหมั่นเพียรระดับนี้เข้ามารับใช้ชาติในการเล่นการเมือง

ชอบความสามารถและความตั้งใจ และความต้องการที่จะเอาชนะชีวิตและศักยภาพในการสร้างตนเองให้เป็นที่หนึ่ง

นี่คือตัวอย่างในการเติบโตและสร้างตัวในหน้าที่การงานและประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาที่เด็กไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทำให้ได้ครึ่งหนึ่งที่เขาทำค่อยคิดจะด่าเขา”

ก็คงเพราะมีเด็กๆ ที่เกลียดรัฐบาล เกลียดพรรคประชาธิปัตย์ แผ่นเสียงตกร่องเผด็จการสืบทอดอำนาจ บอกว่าคือผู้ใฝ่ในประชาธิปไตย จิกด่าในโซเชียล

ตามเพจเฟซบุ๊ก เอาไปด่ากันสนุกปาก

แทนที่จะใช้ความเป็นประชาธิปไตยที่มีอยู่ในตัว สังเคราะห์ความรู้ความสามารถของว่าที่ผู้สมัคร บุคคลไหนควรเลือกเพราะมีทัศนคติการแก้ปัญหาที่จับต้องได้

เปล่าเลย…กูอยากจะด่า มีไรมั้ย!

เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้ พอเห็นเค้าลาง จะเป็นการต่อสู้ของ ๒ พรรคใหญ่เป็นอย่างน้อย

คือ เพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์

สำหรับพลังประชารัฐ มีแนวโน้มไม่สดใส เมื่อ “ผู้ว่าฯ หมูป่า-ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ปฏิเสธชัดเจนแล้วไม่สนใจการเมือง

“เพราะเมื่อยังสวมหมวกราชการ อยากจะสวมหมวกราชการให้ดีที่สุด แล้วความภาคภูมิใจของราชการที่ดีที่สุดก็คือ การเดินจากราชการไปอย่างสง่าผ่าเผย คือความตั้งใจ และเป็นเจตนา จริงๆ มีคนเคยถามผมว่า แล้วหลังชีวิตราชการจริงๆ อยากไปไหน ผมบอกว่า ผมอยากสอนหนังสือ  ถ้าใครจำที่ถ้ำหลวงได้ วันนี้ความตั้งใจคืออยากเกษียณอายุราชการ และอยากสอนหนังสืออยู่เสมอ”

ถึงจะเสียดายคนมีความสามารถ แต่ ณ วันนี้ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ท่านก็เหมาะสมในสถานการณ์ของท่าน ในตำแหน่งหน้าที่ของท่าน

คู่เอกชัดๆ ในตอนนี้ก็จะเหลือ “ชัชชาติ” กับ “ดร.เอ้”

คนจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.มันต้องมีอะไรบางอย่างบ่งบอก

ในงานเปิดตัวน่าจะมีคนหมั่นไส้ “ดร.เอ้” เยอะครับ พูดถึงประวัติตัวเองเวอร์ไปหรือเปล่า

“…ผมสงสัยครับ ในวันที่ผมสอบจบปริญญาเอก ผมเดินเข้าไปเคาะประตูห้องอาจารย์ผมครับ อาจารย์ผมคือ Prof. Herbert Einstein หลานแท้ๆ ของ Albert Einstein นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก เมื่อคืนเขียนอีเมลไปหาอาจารย์ว่า ขอบคุณอาจารย์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง Herbert Einstein เป็นคนยิวครับ อายุเท่าคุณพ่อคุณแม่ผม เกิดวันที่ ๓๑ มกรา ผมโทร Happy Birthday ทุกปี คนไทยชนะใจคนด้วยความกตัญญูกตเวทีครับ

คนยิว เขามีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน มีวินัย สมองไม่ได้มีมากกว่าคนไทย ถ้าเกิดคนไทย ขยัน มุ่งมั่น อดทน มีวินัยเหมือนคนยิว ชนะคนยิวครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว เพราะผมนี้ถือว่าเป็นทายาทสายตรงไอน์สไตน์ คนเดียวในแผ่นดินไทยเลยครับ ภูมิใจมากครับอาจารย์ ท่านเป็นวิศวกรด้านอุโมงค์มือหนึ่งของโลก จบที่เดียวกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นี่แหละครับ…”

มันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ

แต่… “ดร.เอ้” มีของครับ

เป็นเรื่องของความมั่นใจ

ผู้นำที่จะสำเร็จได้ อย่างแรกต้องมีความมั่นใจ ต้องกล้าที่จะพูดถึงตัวเอง เพื่อให้ผู้อื่นได้มั่นใจ

ครับ…โค้งแรกของ “ดร.เอ้” ถือว่าสอบผ่าน


Written By
More from pp
กระทรวงอุตสาหกรรม หนุนผู้ประกอบการ ยกระดับผ้าไหมไทยในระดับพรีเมี่ยม สร้างอัตลักษณ์ไหมไทยให้เป็นที่รู้จัก พร้อมเปิดคอลเลกชันใหม่ในแบบ “Minimal Style”
ก.อุตฯ ส่งผ้าไหมมัดหมี่บุกตลาด “Minimal Style” ความธรรมดาที่แปลกตาและไม่ซ้ำลาย ยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยระดับพรีเมี่ยม ล็อคเป้าตลาดญี่ปุ่นและต่างประเทศ!
Read More
0 replies on “‘ดร.เอ้’ คนมีของ – ผักกาดหอม”