ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เด็กๆ (กลุ่มหนึ่ง) สร้างประเด็น..
แสดงทัศนคติด้านลบเชิงดูถูก เหยียดหยาม ด้อยค่าพี่น้องประชาชนภาคอีสานในคลับคลับเฮ้าส์ เท่านั้นแหละ!
ทั้งคนบันเทิง-คนการเมือง (บางคน) ต่างพากันแสดงตัวตนเสมือนมดที่ถูกหยิกท้าย ก็ไม่ได้จะขัดคอ-ขัดใจอะไร เพียงแต่จะบอกว่า..
กับเรื่อง “ขี้หมา” ของเด็กๆ ที่คึกคะนองกันอยู่ในห้องหับคลับเฮ้าส์ ไยต้องหัวร้อน-สติแตก ให้ “เด็กเสี้ยม” พวกนั้น มันหัวเราะเยาะเอาด้วยเล่า?
ผมว่าอย่าไปให้แสงกับพวกหิวแสงแบบนี้เลยนะ.. คุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกร “โหนกระแส” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการทีวี จะเพลาๆหน่อยได้ก็ดี การปลุกเร้า..
“สังคมไม่ทน ดาหน้าตามล่ากลุ่มคนเหยียดชาติพันธุ์คนอีสาน” น่ะ!
ขอแค่ครั้งเดียวเถอะนะ อย่าได้ต่อความยาวสาวความยืดไปให้มากกว่านี้ ลำพังขณะนี้สังคมไทยก็แตกแยก แตกความสามัคคี บอบช้ำอยู่มากพอแล้ว..
เรา..ในฐานะสื่อ ถ้าพอจะถอนฟืนออกจากกองไฟได้ ก็อยากให้ช่วยๆ กัน!
เชื่อเถอะ..ดี-ไม่ดีไม่ทันถึงวันลอยกระทง การแสดงทัศนคติด้านลบเชิงดูถูก เหยียดหยาม ด้อยค่าพี่น้องประชาชน “ภาคใต้” ในคลับเฮ้าส์ก็จะดังขึ้น
เพราะเมื่อประสบความสำเร็จ ทำให้คนอีสานหัวร้อน คลุ้มคลั่งได้.. “แผนการ” นี้ก็จะถูกใช้ไปทั่วทุกภาค และยิ่งดูจะเป็นเรื่องยากที่กฎหมายจะไปเอาผิดพวกมันได้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งสนุกกันใหญ่
แต่..ไม่ว่ามันเหยียดหยาม ดูถูก ด้อยด่า (คนใต้) แค่ไหน-อย่างไร ผม (ใต้แท้) ก็จะไม่ใช้วิธีอย่างนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ว่า..
“ขอฝากไปยังรัฐบาที่ต้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องไม่ปล่อยละเลยไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และต้องหาทางป้องปราม ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
แต่ที่ผ่านมาเมื่อเกิดเรื่อง รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ เมินเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดการพูดคุยผ่านโซเชียล รัฐบาลต้องใช้
1.กระทรวงดีอีเอสป้องปราม ซึ่งดีอีเอสพูดตลอดว่าตรวจสอบการใช้เฟกนิวส์ตลอด จนไม่ทำอะไรอย่างอื่น แถมตรวจสอบเฉพาะเรื่องคนที่ด่ารัฐบาลด้วย
2.เมื่อเกิดเรื่องหากเกิดการความเข้าใจผิด กระทรวงศึกษาธิการต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องกับเด็กว่าข้อมูลใดถูกหรือผิด เสริมสร้างวุฒิภาวะ ต้องสร้างให้เด็กลดความหยาบคายลง
และ3.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องส่งเสริมให้ผู้ปกครองเข้าไปดูแลเด็กให้มากขึ้น และ
4.กระทรวงวัฒนธรรมต้องเข้ามามีส่วนร่วมรณรงค์ให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ
ทั้งนี้ ในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก หากไม่แก้อะไร จะเกิดการปะทะทางความคิดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และอาจเกิดการปะทะในอีกมิติหนึ่งข้างหน้า ซึ่งสังคมค่อนข้างเปราะบางแล้ว
ดังนั้นเราจะรอดูท่าที่รัฐบาลว่าจะทำอย่างไร หากเพิกเฉย รัฐบาลกำลังจะส่งเสริมให้เกิดการแตกแยกในชาติ ซึ่งเรายอมไม่ได้
เราไม่ได้ให้รัฐบาลไปคุกคามเด็ก แต่ต้องให้ความรู้ ใช้หน่วยงานเข้าไปดูแล รัฐบาลต้องจัดการตามลำดับขั้น
ขณะที่พวกเรา ส.ส.อีสานจะเน้นทำความเข้าใจ ซึ่งรัฐบาลอย่าฉวยโอกาสลิดรอนสิทธิเด็ก”
นี่..รู้ทั้งรู้ว่าเด็กทำ-เด็กผิด แต่กลัวเด็กจะไม่เข้าข้าง (พรรค) ก็เลยโยนความผิดไปให้รัฐบาล อีแบบนี้แหละ..
เด็กมันถึงด้อยค่าเอา!