วันที่ 11 ตุลาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดภาคใต้ ว่า
ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ในสัปดาห์นี้ จะทางไปติดตามสถานการณ์โควิดและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถือโอกาสคุยกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา เพื่อขอให้ท่านช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อลดอัตราความรุนแรงของโรค
เราต้องการจำกัดพื้นที่การระบาดให้เร็วที่สุด ในส่วนของระบบสาธารณสุขนั้น ก็เตรียมพร้อมทั้งบุคลากร ยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ ไว้พอสมควร มีโรงพยาบาลศูนย์ในพื้นที่คอยรองรับ ตอนนี้ ค่าเฉลี่ยการติดเชื้อใหม่ ในพื้นที่ภาคใต้คือประมาณ 2.3 พันราย ก็หวังว่า จะลดยอดตรงนี้
นอกจากนี้ ยังมีการระดมวัคซีนลงพื้น เพราะเมื่อป่วยแล้ว จะได้ไม่รุนแรง “การลงพื้นที่นั้น เพื่อไปดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังถือโอกาสนี้ไปรับฟังปัญหา ไปให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับการส่งวัคซีนเข้าไปในพื้นที่ เพราะตามหลักวิชาการแล้ว จะช่วยลดผู้มีอาการป่วยหนัก ไปจนถึงผู้เสียชีวิต และช่วยประคองระบบสาธารณสุขได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ต้องมาควบคู่กัน คือ การวางแผน รับมือให้ทันสถานการณ์ ได้มีการประสานในแต่ละตำบลเพื่อจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation) เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่ ไปจนถึงการเดินหน้ามาตรการกักตัวที่บ้านแล้ว
มาตรการเหล่านี้ คือ กุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้เรารอดพ้นจากสถานการณ์ที่กรุงเทพฯ ละปริมณฑลได้ ก็ต้อง นำมาใช้กับสถานการณ์ในภาคใต้”
ในส่วนของความคืบหน้าในการจัดหายาต้านโควิด 19 นายอนุทิน กล่าวว่า ทางกรมการแพทย์สนับสนุน ให้นำยาโมลนูพิราเวียร์เข้ามา ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ขณะที่ทางกระทรวงฯ ก็ยังเตรียมการต่างๆ เอาไว้เพื่อรับมือการระบาดของโรค
อย่างไรก็ตาม ประชาชน นับว่ามีส่วนสำคัญมาก ขอให้ระมัดระวัง การ์ด อย่าตก แม้จะได้รับวัคซีน แต่ต็ต้องรักษาวินัยไว้ก่อน ส่วนแผนการการฉีดวัคซีนสูตรแอสต้ราเซนเนกา และไฟเซอร์ ขอให้รอคณะกรรมการวิชาการพิจารณา ทั้งนี้ ขอย้ำว่า วัคซีนที่ทางการนำเข้ามานั้น มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองจาก อย.แล้ว