เปลว สีเงิน
๒ โล้นส้ม “ไพรวัลย์-สมปอง” หล่นตั่งทองซะแล้ว!
เมื่อวาน…
น้องจีนา “อายุ ๑๑ เดือน ในสภาพทารก จุกนมยังคาปาก อ้อแอ้..อ้อแอ้ ยังพูดไม่ได้
แค่อุ้มลงจากเขา มีคนตามดูไลฟ์สด กว่า ๓ แสน
เมื่อเทียบกับไลฟ์สด ” ๒ โล้น” วันก่อน
เป็นพระผู้อาวุโสพรรษา เรียนมาก็ตั้งเปรียญ ๙ เปรียญ ๗ รู้ธงเสมาธรรมจักร รู้ธงแครอท รู้แดง รู้ส้ม รู้เหลือง รู้อะไรควร-อะไรไม่ควร
เรียกว่า ในความเป็น “ภิกขุภาวะ” แยกดี-แยกชั่วได้ครบ
กลับใช้ลีลา “ตลกคาเฟ่” อ้างเป็นกุศโลบายดึงคนรุ่นใหม่เข้าวัด แต่ได้ยอดแค่ ๒ แสนกว่า
ก็เที่ยวคุยโขมง สบงพอง…..
ว่าไม่เคยมีใครดึงรุ่นใหม่เข้าพระ-เข้าวัดชนิดถล่มทลายอย่างที่ ๒ โล้นส้มนี้ทำได้มาก่อน
เป็นการยกอ้างสนับสนุนริยำกรรมตัวเอง ว่าเป็นโปกฮา “จรรโลงพระพุทธศาสนา” ที่ต้องยกย่อง ไม่ใช่ยกเหยียบ ประมาณนั้น!?
ในแง่มุมนี้ สะท้อนจากกรณี “น้องจีนา”
ผมเห็นโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ แย่งกันไลฟ์สด-รายงานสดจากพื้นที่ “เชียงใหม่” ด้วยอาการตื่นเต้นระดับ ๙ ริกเตอร์
ช่วงไม่กี่นาทีตอนเที่ยงวาน….
ข่าวว่า คนดูไลฟ์สดพบน้องจีนา ทะลุพรวดกว่า ๓ แสน!
ตรงนี้ เป็นตัวเลขพิสูจน์ “ตรรกะวิบัติ” ของพระมหาไพรวัลย์-สมปอง ได้เป็นอย่างดี
ว่าจริงหรือ การคะนองกาย คะนองวาจา เป็นพระ “ตลกคาเฟ่” แบบนั้น เป็นวิธีการเรียกแขก-เรียกคนให้มีศรัทธาและเข้าหาพระศาสนา?
กรณีน้องจีนา พิสูจน์แล้ว ว่าไม่จริง!
คนตามดูไลฟ์น้องจีนาก็ดี ไลฟ์แบตเทิลชิงบัลลังก์ตั่งทอง “ไพรวัลย์-สมปอง” ก็ดี ไพรวัลย์ไลฟ์กับ ๒ กะเทยส้มที่อ้างเป็นเจ้าแม่อะไรนั่นก็ดี
บ่งบอกว่า อะไรที่แปลก ผิดสภาพที่เป็น ผิดธรรมชาติ ผิดฐานะ ผิดมนุษย์-มะนา คนก็ตื่น และเแห่ตามดู
ไม่ได้ดูเพราะ “เลื่อมใส-ศรัทธา”
แต่ดูเพราะ อยากรู้ อยากเห็น ในความเป็น “ของแปลก-เรื่องแปลก” ไม่ต่าง “ตัวประหลาด-สัตว์ประหลาด” ในช่วงขณะหนึ่ง ตามสัญชาติญาน “อยากรู้-อยากเห็น” เท่านั้น
อย่างทุกวันนี้……
พระสงฆ์ “สุปฏิปันโน” คือพระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ตามกรอบพระธรรมวินัยอันพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว
มีมากเป็นแสนๆ น่ากราบ น่าไหว้ เป็นที่เคารพ ศรัทธา เลื่อมไส สาธุชนทั้งไทย ทั้งทั่วโลกเป็นล้านๆ มุ่งหา น้อมธรรมนำชีวิต
เป็นวิถีปกติประจำวัน-ประจำชีวิตของมนุษย์ “ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ” ทั้งหลายเป็นปกติ
แต่กับพระ “ตลกคาเฟ่”….
หิวยอดไลค์ กระหายพร้อมเพย์ เหลืองคือธงชัยก็แปลงเป็นส้มแครอท คอยตอด-ค่อนแคะรัฐบาล โก้เก๋ภาษารุ่นใหม่
สามนิ้ว ยกธรรมยำแกงพระศาสนา อย่าง “ไพรวัลย์-สมปอง”
ก็มี “๒ พระ” นี่แหละที่ “แปลก”
แปลกเพราะ “ผิดเพศ-ผิดสถานะ” จากพระสำรวมศีลทั่วไป เข้าข่าย “ตัวประหลาด” ที่แปลกปลอมในหมู่สงฆ์ ซึ่งปกติไม่ควรมี
เมื่อมีพลัดหลง “ผิดพง-ผิดเผ่า” บุตรแห่งสมณโคดมเช่นนี้ ผู้คนก็แห่แหนเข้าไปดู ในฐานะ “ตัวประหลาด”
หาใช่ดูเพราะซึ้ง-ศรัทธาในตลกคาเฟ่พระ แล้วตลกนั้น ดึงใจพวกเขาน้อมเข้าหาพระศาสนาก็หาไม่!
อย่างสัตว์เดรัจฉาน…..
สิ่งปกติของสัตว์ ไม่ต้องนุ่งห่ม แต่พอเอาเสื้อผ้าไปใส่ให้ ยิ่งให้เดิน ๒ ขาด้วยแล้ว คนจะสนใจแห่ดู ด้วยเห็นเป็นแปลกสัตว์
หรืออย่างมนุษย์ ไปเปลือยในห้องทดลองเสื้อผ้าตามห้าง เป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าเปลือยแล้วออกจากห้องมาเดินในห้างซี ยิ่งตามถนน ตามที่สาธารณะ ถ้าเป็นคนดังในสังคมด้วยแล้ว
นาทีเดียว ยอดไลฟ์เป็นล้าน!!!
การนั่งรถเมล์ การกินข้าวตามร้านข้าวแกงริมถนน เป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าคนนั้น เป็นนายพลในเครื่องแบบ ต่อให้ ๒ โล้นส้ม เอาฝาบาตรฉาดหัวกัน คนจะแห่ดูนายพลแต่งเครื่องแบบขึ้นรถเมล์-นั่งกินข้าวแกงมากกว่า
เพราะมันแปลกทางสถานะสังคมที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนไงล่ะ!
ที่คนยอมเสีย ๑ บาท เข้าไปดู เมียงูบ้าง คนสองหัวบ้าง กาขาว-ลิง-ไข่ ตามงานวัดบ้าง นั่นเพราะอะไร?
เพราะมันแปลกไง!
แต่แปลกหลอกแดกทุกปี คือนานๆ ไป มันก็ไม่แปลกแล้ว กลายเป็นเรื่องเบื่อหน่าย รำคาญ ทุเรศ-ทุรัง ไม่มีใครสนใจยอมเสียตังค์ดูแล้ว
จากแปลก ยอดไลฟ์เป็นแสน ……..
กลายเป็น “ขยะสังคม” หยำเหยอะ เป็นที่หมาขี้เยี่ยวใส่เลอะเทอะ ที่จะดึงคนเข้าหา-เข้าฟังอย่างที่ว่า อ้างสะเปอะเรื่อยเปื่อย!
ฉะนั้น ก็ปล่อย ๒ โล้นส้มสำนักสร้อยทองคะนองธรรมไปตามทางของท่านเถอะ
นานๆ ไป ถ้าท่านไม่สำนึกและปรับตัวเอง ก็จะจมอบายเร็วเป็น ๒ เท่า จากสิ่งทำเอง!
ที่สำนักพุทธฯ บอก เป็นหน้าที่คณะสงฆ์จัดการในเรื่องนี้ ก็ถูกของท่าน
สำนักพุทธฯ ทำหน้าที่ “เลขาฯ” มหาเถรสมาคม คือเป็นลูกศิษย์พระ ลูกศิษย์จะไปตัดสินพระเอง โดยพระ คือมหาเถรฯไม่ได้บอก ไม่ได้สั่งอย่างหนึ่งอย่างใด ในประเด็นเกี่ยวกับพระธรรมวินัย ไม่ได้หรอก
สำนักพุทธฯ ในฐานะเลขาฯ ก็ต้องชงเรื่องเข้าระเบียบวาระการประชุม ให้คณะกรรมการมหาเถรฯ พิจารณา
การเป็นตลกคาเฟ่อย่างนั้น….
อาจผิดในข้อเสขิยวัตร คือว่าด้วย “สมบัติผู้ดี” ของพระด้านกริยามรรยาท
เป็นอาบัติเบาก็จริง แต่ “กฎนิคหกรรม” ว่าด้วยการลงโทษตามพระธรรมวินัย ที่เรียก “ปรับอาบัติ” มีอยู่
การผิดเสขิยวัตร ใน ๗๕ ข้อ ในศีล ๒๒๗ ข้อ ที่เป็นศีลของพระ แม้เป็นอาบัติเล็กน้อย ด้านไม่สำรวมระวังกริยา-มรรยาท ปลงอาบัติหาย ก็จริง
แต่การทะลึ่งโลน ตลกคะนอง อย่าว่าแต่พระเลย แม้ฆราวาสเอง แสดงกิริยาวาจาอย่างนั้น ก็ยังดูไม่งาม
เมื่อมีคนท้วงติง แทนจะสำนึกน้อม….
กลับยก “ตรรกะต่างฐาน” ด้วยเรียนมากอ้างเถียงแบบแถข้างๆ คูๆ เยี่ยงผู้ “เก้อ-ยาก” และดำรงเป็นพระตลกคาเฟ่ ชนิดไม่รู้สึก-รู้สา
นี่….
แบบนี้ ด้านพระวินัย เป็นอาบัติเบาก็จริง แต่ในกฎนิคหกรรม ข้อหนึ่งมีว่า
“ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ”
แบบนี้ “มหาเถรสมาคม”…….
มีอำนาจวินิจฉัยและมีคำสั่งให้สละสมณเพศได้!
ฉะนั้น ๒ โล้น อย่า “กะเทยทำ”
คือ ใจหนึ่ง หมกมุ่นอยากสมาคมเข้าพวก-เข้าหมู่กับพวกรุ่นใหม่สามนิ้ว เพราะมันดัง มันโก้ดี
อีกใจหนึ่ง ก็ไม่กล้าก้าวขาพ้นจากอาณาจักรสงฆ์ เพราะอยู่ดี-กินดี
ก็จงตรองให้ตก จะเดินตามทาง “มรรค ๘” หรือจะตามทาง “เวจมรรค ๓ นิ้ว” เลือกเอาทาง
อย่าเอาทั้ง ๒ ทาง แล้วประพฤติปฎิบัติอย่างที่เป็นอยู่ นั่นจะเข้าข่าย “ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ”
เคยแต่ถือบาตรขอข้าวชาวบ้านกิน
แล้วจะไปแว้น ไปคาร์ม็อบ ไปปาประทัดยักษ์ไหวหรือ