เปลว สีเงิน
เทศกาล “คริสต์มาส” ฝรั่งมีเพลง Jingle Bells
ไทยก็มี
“นคร มงคลายน” เลียนทำนองเป็น “โจงกระเบน” สนุกโจ๊ะๆ เอกลักษณ์ไทยได้ทุกเทศกาล
โจงกระเบน โจงกระเบน เป็นของเก่านานเน
คนโบราณ นานกาเล โจงกระเบนทุกคน
โจงกระเบน โจงกระเบน มองแล้วเด่นงามล้น
กาลนานมา ประชาชน ทุกคนโจงกระเบน
แต่บัดนี้มาแปลงใหม่ ดูไปพิลึกพิเรนทร์
หนุ่มๆ ชอบทรงจิ้งเหลน ฉันเห็นแล้วไม่อยากมอง
ฝ่ายแบบหญิงก็ใช่เล่น หนุ่มๆ เห็นแล้วตาพอง
แก่ๆ ก็ยังอยากมอง ขนลุกขนพองกันเทียว
มองกระโปรง ทรงบานๆ พาลเสียวไส้จริงเจียว
ดูกางเกง ทรงเรียวๆ มันเพรียวลมพิกล
แปลงกันไป แปลงกันมา ดูน่าเบื่อเต็มทน
นานๆ ไป คงเวียนวน หันเข้าโจงกระเบน
ก็…..
Merry christmas and happy new year ทุกท่าน
โดยเฉพาะ แพทย์ผู้รักษานักโทษเทวดา, ผบ.เรือนจำ, อธิบดีราชทัณฑ์, รัฐมนตรียุติธรรม และนายกรัฐมนตรี
ด้วยรักและปรารถนาดี ขอเตือนท่านอีกครั้งว่า
คดี “นักโทษทักษิณ” ยุคเศรษฐา
ใกล้ซ้ำรอยคดี “จำนำข้าว” ยุคยิ่งลักษณ์ เกือบจะ ๑๐๐%แล้ว!
ไม่ใช่ “ทุจริต-คอร์รัปชั่น” หากแต่เป็นข้อหา “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ตามกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
คดีจำนำข้าว ฝ่ายการเมือง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คุก ๕ ปี
รัฐมนตรีพาณิชย์-บุญทรง คุก ๔๒ ปี รัฐมนตรีช่วยภูมิ คุก ๓๖ ปี
ฝ่ายข้าราชการ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ๔๐ ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว ๓๒ ปี
นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ๒๔ ปี และ
พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขาฯ และอดีตเลขาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๗๒ ปี
แต่เต็มพิกัดที่ ๕๐ ปี หนีไปจนบัดป่านนี้
นี่คือ “หนังตัวอย่าง” ทั้งนักการเมือง, ข้าราชการประจบการเมือง นอกจากข้อหาทุจริตต่อหน้าที่จนโทษคุกท่วมหัวแล้ว
โทษในข้อหา “ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่” รวมอยู่ด้วย!
ดูหนังตัวอย่างแล้ว รัฐมนตรียุติธรรม อธิบดีราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ผู้รักษา รู้สึกไงครับ ตื่นเต้นมั้ย?
“๒ มาตรฐาน” ทั้งปกปิด-ช่วยเหลือ ทั้งส่อทุจริต และละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยทักษิณ นั้น
อย่านึกนะว่า……
รัฐบาลเพื่อไทยคืออำนาจ “เหนือกฎหมาย-เหนือประเทศ-เหนือกฎสังคม”
“ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ” รับจำนำข้าวทุกเมล็ด เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แล้ว “โกงทุกเมล็ด”
จนวันนี้ ยังต้องเอาภาษีประชาชนไปไปใช้หนี้ ๗-๘ แสนล้านบาท ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด
แล้วตัวการที่สั่งการโกงได้ไปเป็นกอบ-เป็นกำมันติดคุกมั้ยล่ะ?
ก็ไม่ติด
ติดแต่สัมปะแหลดหน้าเสื่อ เพราะเสือกโง่เอง!
พวกข้าราชการที่ใช้อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่โกงให้เขานั่นแหละ ได้แทะกระดูกนิดๆ หน่อยๆ และหวังใหญ่
คนสั่งการกินข้าวจีทูจี แต่มือทำต้องไปเจี๊ยะข้าวแดงในคุก ว่าไปก็ “สมน้ำหน้า”
แล้วเห็นมั้ย ติดมาตั้งหลายปี ก็ยังกินคุก-นอนคุก
มีหมาซักตัว ช่วยให้ออกไปนอนนอกคุกได้เป็นเดือนๆ อย่างทักษิณเค้ามั้ยล่ะ?
แล้วแบบนี้ “กรมคุก” ยังไม่สำนึกอีกหรือว่า การ “เลือกปฎิบัติ” มันคือการ “ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่”
ทั้งแพทย์ผู้ทำการรักษาทักษิณ ทั้งผบ.เรือนจำ ทั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ดูตัวอย่าง อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, อดีตผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว ที่อยู่ในคุกขณะนี้ไว้นะ
กรมราชทัณฑ์น่ะ ……
อย่าเที่ยวยกหลักกฎหมายสากล-สาเก มาอ้างเพื่อปกปิดข้อมูลจริงในอาการป่วยทักษิณให้มากนัก
คงเขียนเป็นบทท่องจำให้รัฐมนตรีทวีด้วยมั้ง เพราะเห็นท่านตอบทั้งใน-นอกสภา อ้างทั้งพรบ.สุขภาพแห่งชาติ
ทั้งประมวลกฎหมายอาญา, ทั้งข้อบังคับแพทยสภา, ทั้งหลักสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังพึงได้รับตามมาตรฐานสากล
เพื่อให้คนเชื่อว่า…..
รัฐบาล, กระทรวง, กรมราชทัณฑ์, แพทย์รพ.ตำรวจ ไม่ได้เลือกปฎิบัติกับนักโทษทักษิณ
ที่ห้ามขึ้นไปตรวจพิสูจน์บนชั้น ๑๔ ห้ามเปิดเผยอาการป่วยและข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น นั้น เขาทำตามกฎหมายทั้งสิ้น
ผมถามคำ “กฎหมาย-กฎระเบียบ เหนือรัฐธรรมนูญได้หรือ”?
รัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๒ บรรทัดท้ายๆให้ดูแล้วมิใช่หรือ ที่ว่า….
“การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าในทางใดๆจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ”
การตรวจสอบการทุจริตนักการเมืองและข้าราชการนี่แหละ “ประโยชน์สาธารณะ” ที่ไม่มีอะไรจะเป็นประโยชน์มากไปกว่านี้อีกแล้ว!
กรมราชทัณฑ์เที่ยวยกมาตรฐาน “สหประชาชาติ” ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังมาอ้าง ว่าข้อมูลผู้ป่วยทุกอย่าง “ต้องลับหมด”
วันก่อน “นางอังคณา นีละไพจิตร” อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน ออกมาติงประเด็น “ลับทุกเรื่อง” ของทักษิณอยู่เหมือนกัน
เธออธิบายความหมายของ “สิทธิความเป็นส่วนตัว” ซึ่งรัฐไม่มีอำนาจแทรกแซงความเป็นส่วนตัวโดยพลการของบุคคล แต่สิทธินี้ก็ไม่ใช่ “สิทธิสัมบูรณ์”
ในข้อ ๗ ของ GC 16 นางอังคณายก “ข้อยกเว้น” เรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวตามเอกสารต้นฉบับมาให้ดู
แปลเป็นไทย ดังนี้……….
“เนื่องจากทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคม การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว จึงจำเป็นต้องสัมพันธ์กัน
อย่างไรก็ตาม…….
เจ้าหน้าที่สาธารณะผู้มีอำนาจ ควรจะสามารถเรียกร้องข้อมูลดังกล่าว เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของบุคคล ซึ่งมีความจำเป็นต่อผลประโยชน์ของสังคมตามที่เข้าใจ ภายใต้กติกานี้เท่านั้น
ดังนั้น คณะกรรมการ จึงแนะนำให้รัฐต่างๆ ควรระบุในรายงานของตนถึงกฎหมายและข้อบังคับที่ควบคุมการแทรกแซงที่ได้รับอนุญาตต่อชีวิตส่วนตัว”
เห็นมั้ย ก็สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๒ ตามที่ผมยกให้ดูข้างต้น
เพราะอย่างนี้ ผมจึงบอก ใครก็อย่ายกกฎหมายด้านเดียวมาอ้างในทางประโยชน์ตน มันจะเข้าตัว
เพราะในระเบียบสากล ก็มีข้อยกเว้นอยู่แล้วว่า
เมื่อมีความจำเป็นต่อประโยชน์ของสังคมก็ “เปิดเผยข้อมูลได้”!
กรณีนักโทษทักษิณ นอนโรงพยาบาลนอกคุก ๑๒๐ วันแล้ว จะให้นอนต่อหรือต้องนำตัวไปเข้าคุก
ตามระเบียบ “อธิบดีราชทัณฑ์” ต้องนำรายงานแพทย์และบันทึกความเห็นแพทย์ เสนอให้รัฐมนตรีรับทราบ
แต่จนวันนี้ อมไข่แม้วกันหมด!
รัฐมนตรีทวีตอบวันก่อน ว่า……
“แม้วันนี้ จะเป็นวันที่ ๒๒ ธันวา.ก็ตาม แต่หากดูในรายละเอียดกฎระเบียบจะเป็นไปตามที่ผมเรียนแจ้ง
ถึงเกิน ๕-๗ วัน ก็ยังอยู่ในกรอบของกฎระเบียบ แต่หากเจาะจงไปก่อนวัน ซึ่งยังไม่เกินกว่า ๑๒๐ วัน ก็จะยังไม่สามารถสรุปใดๆ ได้
ทั้งนี้ ผมไม่ได้ยืนยันว่าในวันนี้ อดีตนายกฯ จะต้องเข้ารับการนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ต่อเนื่องหรือไม่
แต่เป็นเพราะทางกรมราชทัณฑ์ ยังไม่ได้รายงานมาให้รับทราบ”
มีกฎระเบียบข้อไหน ที่ยกเว้นไว้ว่า “เกิน ๑๒๐ วัน ไป ๕-๗ วัน ก็ยังนับอยู่ในกรอบกฎระเบียบ”?
ตามระเบียบ เขาให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม ต้องขอใบแสดงความเห็นแพทย์เป็นระยะ เสนอผบ.เรือนจำ มิใช่หรือ?
นี่ตั้ง ๔ เดือน ความเห็นแพทย์กองท่วมหัวแล้วมั้ง ทำไมรัฐมนตรีปล่อยให้อธิบดีราชทัณฑ์เฉยแฉะ โดยไม่ทวงถาม?
ผมจึงบอกข้างต้นว่า เป็นห่วงยังไงล่ะ
รัฐมนตรีบุญทรง รัฐมนตรีภูมิ และข้าราชการพาณิชย์ ๑ ในหลายๆ ข้อหาที่ติดคุก คือ “ละเว้นปฎิบัติหน้าที่”
แล้วท่านรัฐมนตรีทวี อธิบดีราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ผู้รักษา ไม่กลัวว่าจะต้องเจริญตามรอยตามหรือ?
ส่วน “นายกฯเศรษฐา” ที่อ้างไม่รู้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นน่ะ
ยิ่งลักษณ์โทษคุก ๕ ปี ก็ไม่มีส่วนโกงเหมือนกัน
แต่เป็นนายกฯ แค่ “ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่”………
ปล่อยให้ “เขาโกงกัน” แทนเท่านั้นเอง!
เปลว สีเงิน
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๖