“แถลงข่าว” แต่ “เข้าเนื้อ” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ค่อนขอดกันเต็มหน้าโซเชียลว่า ที่ผบ.ตร.แถลงข่าวจับ “ผู้กำกับโจ้” คืนวานซืน นั้น
เจตนาแถลง “ตำรวจจับตำรวจโจร”
หรือเจตนาจัดฉากให้ตำรวจโจรเล่นบท “พระเอกยี่เก” อ้อนแม่ยก?

แทนจะได้เสียงชมผลงาน กลับมีแต่เสียงหวาดระแวงว่าการแถลงจับ “ผู้กำกับโจ้คลุมถุง” ออกอาการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” และแบบนี้ เห็นทีจะจบแบบ “มวยล้มต้มคนดู”!
ผมขอทำหน้าที่โฆษกตำรวจหน่อยเถอะ …
คืออยากบอกว่า อย่าใช้แค่ “ความรู้สึก” ไปสรุปแบบนั้นเลยครับ
มันเป็นการให้ “สิทธิเสรีภาพ” กับผู้ต้องหาตามมิติสังคมใหม่ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญน่ะ

คือตราบใดที่ยังศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิด ก็ต้องถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ตำรวจจึงให้สิทธิ์นั้นกับผู้กำกับโจ้
ขืนไม่ให้ ตำรวจไม่ถูก “ศาลสื่อ” เป็นร้อย ด่ายับไปหรือว่าส่อพิรุธ “ตัดสิทธิ์-ปิดปาก” ตั้งแต่ต้น

เพราะตำรวจกลัวตำรวจ “สาวไส้” เจ้านายตำรวจด้วยกัน!?
ยุคนี้ “ฟ้าดินเป็นพยาน” ไม่พอ มันต้องให้ภาค “ประชาสังคม” รับรู้เป็นพยานด้วย

ไม่เคยดูหนังฝรั่งตอนตำรวจจับผู้ร้ายหรือ จับปุ๊บตำรวจจะบอกว่า “คุณมีสิทธิ์จะพูด หรือไม่พูดก็ได้ แต่ถ้าคุณพูด สิ่งที่คุณพูด จะเป็นพยานมัดตัวในศาล”

ที่ผบ.ตร.สุวัฒน์ และรองผบ.ตร.สุชาติ ต่อเสียงทางสายให้นักข่าวซักถามผู้กำกับโจ้ในห้องขัง ก็ประมาณนั้น
ฟังลีลาพระเอกยี่เกอ้อนเชิงแก้ตัวแล้ว ไม่สงสัยเลย ว่าทำไมดารง-ดารา ถึงได้เป็นมดจมก้อนน้ำตาลตาย!

ต้องเข้าใจกันนะครับ………
โจรจะพูดอย่างไรก็ได้ เป็นส่วนคำพูดของโจร เป็นเรื่อง “นอกสำนวน”

แต่ที่เป็นเนื้อหนัง จะคุก-ไม่คุก, ประหาร-ไม่ประหาร ต้องดูจากการตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวน และพิจารณาจากสำนวนการสอบสวน

ตอนนั้น จะเห็นชัดว่า ตำรวจ “ชงเข้ม-ชงอ่อน”?
ฉะนั้น ตอนนี้ ยังเร็วไป ที่ด่วนสรุปและด่วนด่าว่า “ตำรวจไม่กินเนื้อตำรวจ” ด้วยกัน

ได้ยินผบ.ตร.บอก จะโอนคดีจากนครสวรรค์มาให้กองปราบทำ ผมก็ต้อง…สาธุ!

ขืนให้คดีอยู่ในกองบัญชาการตำรวจ ภาค ๖ ของ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ “ว่าที่พ่อตา” ผู้กำกับโจ้
ขึ้นต้น มันก็มะลิซ้อนหละ แต่นานไป ใครจะเชื่อใจล่ะว่า มันจะไม่กลายเป็นบ้องกัญชา?

ยังไงก็อุ่นใจได้อยู่ ที่เรื่องนี้ผบ.ตร.มอบพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าคณะสอบสวน ก็ประกันมวยล้มต้มคนดูไปได้กว่า ๖๐-๗๐%แล้ว

บางคนบอก เป็นตำรวจ แต่พฤติกรรมเหี้ยม ม.หาย อย่างผู้กำกับโจ้ ต้อง “ประหาร” สถานเดียว
บางคนแย้ง รอดประหารแล้วหละ เพราะรับสารภาพถือว่าให้การเป็นประโยชน์ หย่อนขั้นมาเหลือ “ตลอดชีวิต”

คนไทยยุค “ป้าอยุธยา” นี่ รู้-เข้าใจอะไรมิต่ออะไรได้ดีจริง พูด-วิจารณ์กันแบบมีหลักยึด
แต่ก็นั่นแหละ ดูตำรวจเขาเป็นระยะไปก่อน อย่าด่วนสรุป

เพราะ “ที่เห็น-ที่ฟัง” อาจไม่ใช่ “ที่มี-ที่เป็น” ในสำนวนสอบสวนของตำรวจก็ได้
ตำรวจเขาต้องสืบเสาะพยาน ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานแวดล้อม และสอบปากคำ ๗ ตำรวจโจรคลุมถุงอีกมากมาย

เรื่องนี้ เกี่ยวพันยาเสพติด มันจะไม่ “จบที่โจ้” คนเดียว และคดีเดียวในบชก.ภ.๖ หรอก
ถ้าจบที่โจ้คนเดียว เรียกว่า “ตัดตอนจบ”!
และมันจะ “จบยาว” ไปด้วยกัน

คือยาว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปถึงตัวผบ.ตร.และตัวนายกฯ โน่นเลย
ดังนั้น ต้องตามดูผลงานท่านรองผบ.ตร.สุชาติ ว่าตั้งประเด็นสอบสวนไปถึงไหน และใครบ้าง นอกเหนือจาก ๗ ตำรวจโจร?

รีด ๒ ล้าน จริงมั้ย จ่ายทำขวัญครอบครัวผู้ตาย ๕ ล้าน จริงมั้ย สถิติโจ้คลุมถุงทำคดียาเสพติดในบชภ.๖ มากน้อยกี่คดี ทำไมแพทย์ลงความเห็นการตายแบบนั้น

ในความเป็นตำรวจแล้วรวยของโจ้ ก็ต้องตรวจสอบเส้นทางเข้า-ออกของเงิน มาจากไหนบ้าง ออกไปเข้าบัญชีใครบ้าง
เรื่องบ้าน ๕ ไร่ในกรุง มีรถหรู ๒๙ คัน ทั้งเรื่องขยันจับรถเถื่อนให้กรมศุลกากรขายทอดตลาด ๕ ปี ร่วม ๔๐๐ คัน รับเงินสินบนนำจับกว่า ๔๐๐ ล้าน
มันเป็นเรื่องพิสดารที่ต้องมีคำตอบให้สังคม ทั้งจากตำรวจ ทั้งจากศุลกากร

เรื่องเหล่านี้ มัน “จบที่โจ้” คนเดียวไม่ได้จริงๆ!
ส่วนจะไปจบตรงไหน ใครบ้าง เป็นประเด็นที่ประชาสังคมต้องตามติด มากกว่าดูข่าวแค่สนใจประเด็นดรามา อุ๊ย…ผู้หมวดสวย ว๊า…จัดฉากแถลง อะไรประเภทนั้น

สังคมควรให้กำลังใจตำรวจท่านบ้าง
อย่ายึด “ตำรวจเลว” เสี้ยวหนึ่ง เอาไปสรุปเป็นตำรวจส่วนใหญ่ซึ่งยังเป็น “ไม้ซุง-ไม้สัก” ของสถาบันตำรวจในทุกวันนี้

รอดูอีกซักนิด ว่ามีการ “ขยายผล” สอบสวนไปถึงไหน ตอนนี้ ปปช.ก็เข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินผกก.โจ้แล้ว!
สิ่งที่โจ้พูดกับสื่อ
มันคนละเรื่อง กับสิ่งในสำนวนที่โจ้ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาในศาล ตรงนี้ขอย้ำให้เข้าใจ

ประเด็นโจ้ฆ่าคนตายโดยเจตนา วางประเด็นนี้ไปได้ อยากให้ไปจับตาในประเด็น
มีการขยายผลสู่การจับกุมดำเนินคดีใครอื่น นอกจาก ๗ ตำรวจโจรนี้ หรือไม่?

และรัฐบาล-ผบ.ตร.จะปรารภเหตุนี้ สู่การ “ล้างบาง” ระบบตำรวจ ที่เรียก “ปฏิรูปตำรวจ” หรือไม่?
มีประเด็นที่ผมตะขวงใจจากแถลงข่าวคืนวานซืน (๒๖ สค.๖๔) อยู่นิด

ตกลง ผู้กำกับโจ้ถูกจับ หรือผู้กำกับโจ้มามอบตัวเองกันแน่?
เพราะคลุมเครือ คล้ายบิดๆ บังๆ ชอบพิกล?

ยิ่งฟัง “พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ” รอง ผบช.ภ.๖ แถลงว่า “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” หรือผู้กำกับโจ้ โทรมาขอมอบตัว ยิ่งเห็นอะไรแปลกๆ จากคำแถลง

อ่านที่พล.ต.ต.เอกลักษณ์แถลงดูนะ
๒๓.๐๐ น.มีโทรศัพท์เข้ามาหาผม เขาก็บอกว่า
“พี่เอกครับ ผมโจ้ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะฆ่าตัวตาย”

ผมก็บอกไปว่า “หากตายแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเหลืออะไร ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงกลับมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ กลับมาชี้แจงสังคม

ถ้าคุณเป็นตำรวจ คุณต้องมีเกียรติ ผิดก็ต้องยอมรับผิด การหนีไปไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมา มีแต่จะทำให้เลวร้าย”

โจ้ก็บอกว่า “พรุ่งนี้ พี่มารับผมที่จังหวัดชลบุรี ”
ผมก็นำเรียนท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ และท่านก็ได้นำเรียนผบ.ตร.และได้รับอนุมัติให้เดินทางก็ออกมาจากจังหวัดพิษณุโลก ประมาณ ๙.๐๐ น.ของวันที่ ๒๖ ส.ค.

จากนั้น ผกก.โจ้ โทรมาอีกครั้งประมาณเที่ยงกว่าๆถามว่า “พี่มารับผมหรือไม่”
ผมก็ตอบไปว่า “กำลังไป”
ผกก.โจ้ ถามว่า “ถึงไหนแล้ว” ผมก็ตอบไปว่า “๒-๓ ชั่วโมงถึง”

ผกก.โจ้ ก็บอก “๑๖.๐๐ น.พี่มายืนรอที่หน้าสถานีตำรวจภูธรแสนสุข ขอให้ยืนคนเดียวอย่ามีอาวุธ “

ผมรับปาก แต่งเครื่องแบบไปยืนอยู่ในจุดนัด ประมาณ ๑๕ น.มีรถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และมีคนใส่แมสก์เดินลงมา แล้วมาบอกว่า “ผมคือโจ้”

เมื่อหันไปอีกที รถเก๋งดังกล่าวก็วิ่งไปแล้ว ไม่ได้ดูเลขทะเบียน จากนั้น ผมจึงเข้าไปที่สถานีตำรวจภูธรแสนสุขไปลงบันทึกประจำวัน

และนำเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อรายงาน ผบ.ตร.ให้รับทราบ และนำตัวผู้กำกับโจ้มาส่งสำนักงานสอบสวนที่กองปราบ

ครับ ผมก็ไม่สงสัยอะไรมาก
แค่สงสัยว่า ด้วยสัญชาติญานตำรวจ เป็นไปได้หรือ ไปเผชิญคนร้าย ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ท่านบอกไปคนเดียว?

และเป็นได้หรือ แค่สวมแมสก์ ผู้บังคับบัญชาก็จำบุคคลิก-ลักษณะ ลูกน้องตัวเองไม่ได้แล้ว จนเขาต้องบอก “ผมคือโจ้”?

ที่ทุกคนฟังแล้วยิ้มหยันหนักที่สุด ก็ตรงท่านออกตัว

“เมื่อหันไปอีกที รถเก๋งดังกล่าวก็วิ่งไปแล้ว ไม่ได้ดูเลขทะเบียน” นี่แหละ
ไม่พูดเสียเลย ก็ไม่มีใครว่าท่าน “ร้อนท้อง” นะ!

Written By
More from plew
“มึงเขียน-กูล้ม” ไม่เชื่อลอง!
“ชีสเค้ก” เป็นพิษซะแล้วมั้ยล่ะ…เพนกวิน! ผสสำรวจเปียกๆ “ซูเปอร์โพล” “ร้อยละ ๘๕.๑ เชื่อม็อบต่างๆ มีขบวนการนักการเมืองและต่างชาติหนุนอยู่เบื้องหลัง ร้อยละ ๑๔.๙ เชื่อว่าไม่มี
Read More
0 replies on ““แถลงข่าว” แต่ “เข้าเนื้อ” – เปลว สีเงิน”