เปลว สีเงิน
เมื่อต้นเดือนมีนา.
ทราบว่า “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก” วัดป่านาคำน้อย อุดรธานี มาโปรดญาติโยมที่ “สวนแสงธรรม” พุทธมณฑล สาย ๓
ผมก็ได้ไปนมัสการพระอาจารย์ กราบเสร็จก็เอ่ยกับท่านว่า
“พิพิธภัณฑ์หลวงตาเสร็จแล้ว ใหญ่โตดีจัง สวยงามมากครับ”
พระอาจารย์ยิ้มเมตตา และพูดว่า
“ไม่ได้ใหญ่โตนะ อลังการมากกว่า จะไม่อลังการได้ยังไงล่ะ “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” องค์ประธานผู้ออกแบบโครงการพิพิธภัณฑ์ ได้ระดมมือหนึ่งแต่ละด้านของศิลปาการมาช่วยกันดูแลตลอด”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ…..
เพราะทุกองค์ประกอบเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตา ตั้งแต่ยอดฉัตรทองคำ จนถึงลานประทักษิณพระเจดีย์
คำว่า “อลังการ” ลงตัวที่สุด!
พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ คือ…..
พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญานสัมปันโน) ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ ส่วนพระเจดีย์ ส่วนพระวิหาร และส่วนพิพิธภัณฑ์
บนพื้นที่กว่า ๑๘๑ ไร่ บริเวณทางเข้าวัดป่าบ้านตาด อุดรธานี วัดที่หลวงตาพระมหาบัว จำพรรษาอยู่ขณะดำรงธาตุขันธ์
ที่ผมเอ่ยเรื่องนี้กับพระอาจารย์อินทร์ถวาย เพราะทราบว่า พระอาจารย์ “ศิษย์หลวงตา” รูปนี้ คือหัวเรี่ยว-หัวแรงหลัก
จากเสาเข็มต้นแรก…
จนก่อเกิดเป็นพิพธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ สู่ฉัตรทองคำ สำเร็จอลังการ ชนิดที่เรียกว่า ๙๙.๙๙ เปอร์เซนต์
จะว่าไปแล้ว ผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโดยตรงทั้งหมด ก็ “พระอาจารย์อินทร์ถวาย” นี่แหละ
ขณะนี้ เหลือเพียงการเก็บงาน ปรับภูมิทัศน์ งานองค์ประกอบ งานภายใน และงานสาธารณูปโภค น้ำ-ไฟ เท่านั้น
ก็เป็นภาระหนักเอาการอยู่ …..
พระอาจารย์ไม่ได้ว่า ผมว่าเอง เพราะงานนี้ มองแล้ว ไม่ใช่บาท-สองบาท “พันล้าน” เอาอยู่หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ใจ
แต่ศิษย์หลวงตา ทั้งพระ-ทั้งฆราวาส สามารถนำพาจนสำเร็จปานเนรมิตขึ้นมาได้
เห็นแล้ว ต้องบอกว่า….
“มหัศจรรย์แห่งบารมีธรรมหลวงตาพระมหาบัวโดยแท้”!
บางคนพูดว่า สร้างทำไม เปลืองเงิน-เปลืองทอง ผมไม่ขอตอบประเด็นนี้
แต่กับ “ผู้มีคุณความดีพิเศษ” อย่างหลวงตาพระมหาบัว ผมมีคำตอบให้ ว่าสร้างทำไม?
พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์นี้ คือ “ถูปารหบุคคล”
ถูปะ แปลว่า กระหม่อม, ยอด, หรือ จอม
“ถูปารหบุคคล” หมายถึงบุคคลผู้สมควรสร้างสถูปหรือเจดีย์ บรรจุอัฐิธาตุไว้ เพื่อรำลึกถึง กราบไหว้ เคารพ บูชา
ผมทึกทักเอาเองหรือ?
ไม่ใช่ หากแต่ “พระพุทธองค์” ตรัสกับพระอานนท์ไว้ ถึงบุคคล ๔ จำพวก ที่ควรสร้าง “ถูปารหบุคคล”
ใน “พจนานุกรมพุทธศาสตร์” ฉบับประมวลธรรม ของ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์” หรือที่รู้กันทั่วไป ในนาม “เจ้าคุณป.อ.ปยุตโต” กล่าวว่า
ถูปารหบุคคล ๔ (บุคคลผู้ควรแก่สถูป, ผู้มีคุณความดีพิเศษควรสร้างสถูปไว้เคารพบูชา)
๑.พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒.พระปัจเจกพุทธเจ้า
๓.พระตถาคตสาวก (สาวกของพระพุทธเจ้า ปกติหมายเอาพระอรหันต์)
๔.พระเจ้าจักรพรรดิ (จอมราชผู้ทรงธรรม, พระเจ้าธรรมิกราช)
ดังนั้น การสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญานสัมปันโน)
ไม่มีอะไรที่เรียกว่าไร้ประโยชน์ ไม่มีอะไรที่เรียกว่า สิ้นเปลือง-สูญเปล่า ไม่มีอะไรที่เรียกว่าไม่ถูกต้อง
เพราะหลวงตาพระมหาบัว คือ “พระตถาคตสาวก”
“พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ จึงเป็นถูปารหบุคคล ถูกต้อง-เหมาะสมแก่การสร้าง เพื่อการบูชาคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์
นอกจากเป็นที่ บรรจุอัฐิธาตุ เป็นที่รวบรวมประวัติ หนังสือ คำสอน และเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาแล้ว
ยังเป็นสถานพยาบาลอบรมจิต สงเคราะห์ชาวโลกด้วยธรรมโอสถ ตามแนวทางคำสอน “พระตถาคตสาวก” คือพระหลวงตาองค์นี้
พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ….
จะเป็น “หมุดหมาย” ชาวโลกที่มุ่งมาไทยทางอีสานทิศ จะปักตรง “ธรรมเจดีย์” ของหลวงตาตรงนี้ ในโอกาสต่อๆ ไปด้วย!
ผมนมัสการถามพระอาจารย์ว่า ในส่วนงานที่เหลือ ยังต้องใช้ทุนทรัพย์อีกมากไหม?
ที่ถาม อย่านึกว่าผมรวยถึงปานนั้นนะ แค่อยากรู้ พระอาจารย์ท่านก็ยิ้มๆ บอกว่า ก็โขอยู่นะ แสดงว่าอีกหลายร้อยล้าน
ผมเขียนตัวเลขถวายท่านตามกำลังศรัทธา ก็อิ่มใจนะ ที่มีส่วนร่วมตั้งแต่ตอกเสาเข็มแรก จนถึงยอดฉัตร ส้วมก็ร่วมสร้างไปด้วย ๑ ห้อง
การได้เป็นหนึ่งธุลีในพันๆ ล้านนี้ จงเป็นกุศลให้ประเทศไทย ปึกแผ่นมั่นคง คนไทยทุกคนเป็นสุขร่มเย็น
เกิดชาติไหน-ภพใด กุศลนี้ จงเป็นใบบุญหนุนรองให้กับทุกคนไทยด้วย
กระทั่ง ๓ นิ้ว ๓ สัส ก็ด้วย!
มีอุบัติเหตุเล็กน้อยอยากเล่า ควักเงินในกระเป๋ามานับ เสร็จแล้วเขียนจำนวนลงใบปวารณาดิบดี
กลับมาที่ทำงาน เปิดกระเป๋าตังค์ จะเอาให้เด็กไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินตอนเย็น
อ้าว…
พบเงินในปึกนั้น ค้างอยู่ในกระเป๋า ๒ พัน แสดงว่าเงินที่ใส่ตู้กับใบปวารณาที่ถวายพระอาจารย์ไม่ตรงกัน จะขาดไป ๒ พัน
ตายละ เหมือนโกงบุญ-โกงพระอาจารย์ชัดๆ ทำไงดี?
จะอุบอิบ พระท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว และทั้งท่านไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินทอง
แต่ตอนเจ้าหน้าที่เอาเงินในตู้ไปนับ แล้วสอบทานกับยอดเงินในใบปวารณานี่ซี ก็จะไม่ตรงกัน
ที่สร้างบุญ ก็จะกลายเป็นสร้างบาป ให้ทั้งตัวเองและคนอื่นอย่างแรง
นึกขึ้นได้ คุณราตรีที่มหาชัย ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่านาคำน้อยประจำ รีบโทร.ไปขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยไปเรียนพระอาจารย์และช่วยควัก ๒ พันไปเติมให้ครบด้วย
คุณราตรีก็แสนดี รับปาก แล้วไปจัดการให้เรียบร้อย แจ้งให้ผมทราบ บอก ๒ พันนั้น ขอร่วมทำบุญด้วยละกัน
ผมบอกไม่ได้….
เดี๋ยวต่อไป ผมทำอะไรก็จะพบกับการขาดตกบกพร่องอยู่เรื่อย ผมก็นำ ๒ พันนั้น เก็บไว้บนหิ้งพระแล้ว ปะหน้ากันก็จะคืนให้
คุณราตรีก็ได้แต่หัวเราะได้แสดงเจตจำนงอย่างนั้นแล้ว ค่อยสบายใจ
แต่ที่เหนียมๆตอนนี้ก็คือ ขมุบขมิบปาก “ขอยืม ๒ พันบนหิ้ง” ไปใช้ก่อนมา ๒ รอบแล้ว เพราะยังไม่ปะหน้าเจ้าของบุญยืมซักที
คงไม่เป็นไรนะ ที่เอาเงินบุญมาหมุนกรรมประจำวันให้เป็นเศรษฐทรัพย์ปริวรรตน์ก่อน ผมปลอบใจตัวเองอย่างนั้น
เอาหละ….
ถ้าต้องการมีส่วนร่วมในพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์กับพระอาจารย์อินทร์ถวาย เป็นเที่ยวก่อนปิดบัญชีกตัญญุตาบุญ
ตอนนี้พระอาจารย์กำลังติดตั้งแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ในพิพิพธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ โอนเงินไปร่วมได้ที่
ชื่อบัญชี “วัดนาคำน้อยเพื่อติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ใช้ในพระเจดีย์หลวงตามหาบัวฯ”
เลขที่บัญชี ๔๒๖-๐๘๓๕๔๕-๑ ธนาคารไทยพาณิชย์
เสร็จจากงานนี้ ถือว่างานสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯเสร็จสมบูรณ์
ตอนลากลับ พระอาจารย์บอกว่า ได้หนังสือ “มหาเถรบูชา ๑๕๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ในวาระยูเนสโก ยกย่องเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” ปี ๒๕๖๓ มา ๑ เล่ม
ท่านมอบให้ผม บอกว่า เดี๋ยวท่านจะไปขอเขาใหม่อีกซักเล่ม ก็หนาและหนักน่าจะเฉียด ๒ กิโล วันหลังจะเก็บที่อ่านมาเล่าให้ฟัง
วันนี้ วันที่ ๑ เมษายน สู่ศักราชใหม่ ที่ ๒ ถึงที่ ๕ เลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัวด้วย เอาไปกันให้หมด
เหลือที่ ๑ ให้ผม “คนมักน้อย” ชุดใหญ่ไฟกระพริบ ชุดเดียวก็พอ!
ขอบคุณภาพจากเพจ พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์