เปลว สีเงิน
เห็นคลิปผู้กำกับการตำรวจนครสวรรค์กับลูกน้องเอาถุงคลุมหัวผู้ต้องหา “รีดไถเงิน” จนขาดใจตายแล้ว
อยากบอกท่านนายกฯว่า…
มีวิธีเดียวที่จะทำให้พิษแห่งความเกลียดชังตำรวจในหัวใจประชาชน “ไม่กำเริบ”
ต้องประกาศ “ปฏิรูปตำรวจ” ชนิด “ล้าง-รื้อ” ทั้งระบบเดี๋ยวนี้!ต้องรื้อจริงๆ ไม่ใช้พูดแล้ว “ยื้อ”
จะเกรงใจใครเหนือไปกว่า “เกรงใจประชาชน” ไม่ได้แล้ว
“ตำรวจ” แม้ส่วนใหญ่ในระบบยังดีอยู่ก็ตาม แต่ขอบอกว่า “ตำรวจเลว” ส่วนน้อย นั้น
มันเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ประชาชนสุดทนแบก “ตำรวจทั้งระบบ” ได้อีกต่อไปแล้ว
ถ้าท่านนายกฯ ไม่แสดงท่าทีอย่างใด….
ก็เกรงว่า ภาพตำรวจจับผู้ต้องหาคลุมถุงเพื่อรีดเงินจนขาดใจตายคาตานั้น
มันจะกระตุ้น “เกลียดตำรวจ” ให้ดีดสะท้อนไปถึง “เกลียดนายกฯ” และโทษ เพราะท่าน “ยื้อปฏิรูป” มาตลอด!
เท่าที่ดู หลักฐานมันชัดเกินกว่าแค่ย้ายแล้วตั้งกรรมการสอบทางวินัย
ในชั้นแรกนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ตำรวจไม่อุ้มโจร” ซึ่งผมก็เข้าใจท่านผบ.ตร.ว่าท่านต้องรอบคอบ ต้องทำตามระบบ-ระเบียบและขั้นตอนทางราชการ
แต่ไม่เพราะ “ระบบและขั้นตอนราชการ” ดอกหรือ ทำให้หารจัดหา-จัดซื้อวัคซีนไม่ทันการณ์ เป็นที่ครหา-นินทาถึงทุกวันนี้ทีหนึ่งแล้ว
ท่านชำนาญคดีสอบสวน มองปร๊าดเดียวก็รู้ ถ้าเป็นชาวบ้าน อย่างผู้กำกับและตำรวจลูกน้องอีก ๔-๕ คนตามคลิป
ต้องจับเป็น “ผู้ต้องหา” ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าคนตาย” แล้ว
แต่นี่เพราะเป็นตำรวจ แทนที่ต้องเอาให้หนัก แต่ระบบราชการกลับช่วยให้ลอยชาย “ตำใจ” ประชาชน ด้วยคำว่า
“ต้องตั้งกรรมการสอบก่อน”!
กับประชาชน ทำไมไม่ตั้งกรรมการสอบก่อนบ้างล่ะ เห็นเอะอะ ตั้งข้อหา-ยัดห้องขังก่อนตะพึด ค่อยสอบสวนทีหลัง?
แต่ก็อุ่นใจนิด ที่มอบหมายให้พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอบผบ.ตร.ไปควบคุมการดำเนินคดีในส่วนอาญา
นี้เป็น “บทเรียนคำคัญ” ที่ท่านนายกฯ ได้รับ และควรรีบแก้ไข คือเรื่องว่าด้วย “กฎ-ระเบียบทางราชการ”
ที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ไม่ดี มันดีอยู่…
ป้องกันการทุจริตแบบ “ครอบจักรวาล” แต่ใช้มานาน เหมาะยุคหนึ่ง-สมัยหนึ่ง ถึงอีกยุุค-อีกสมัย มันทำให้ไม่ทันการณ์ เข้าตำรา “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้”
เห็นชัดๆ เรื่องการจอง การซื้อวัคซีนล่วงหน้า เราทำไม่ได้ เพราะผิดกฎระเบียบทางราชการนี่แหละ
ผลก็อย่างที่เห็นอยู่-เป็นอยู่มิใช่หรือ?
หรืออย่างการประมูลโครงการต่างๆ ๑๐๐ โครงการ ๙๙.๙๙ ต้องล่าช้า เสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส เพราะคำว่า “กฎระเบียบทางราชการ” นี่แหละ
จึงเป็นเรื่องต้องคิดจริง-ทำจริง “ปฏิรูปข้าราชการ-ปฏิรูปตำรวจ-อัยการ” ทั้งระบบ
จากตัวอย่างคาตา….
-เรื่อง มีวัคซีนฉีดช้า เพราะ “ติดระเบียบราชการ”
-เรื่อง “บอส-กระทิงแดง” ร่วมสิบปี ยังวนอยู่ที่เดิม
-เรื่อง “ผู้กำกับ” คลุมถุงผู้ต้องหารีดเงินจนตายที่!
ท่านนายกฯ จงใช้ “วิกฤต” นี้ เป็นโอกาส …..
ประกาศเดินหน้า-เอาจริง “ปฏิรูปและสังคายนา” ทั้งระบบ รวมถึง “กฎหมาย-กฎระเบียบ” ให้สอดคล้อง “สังคม New Normal” เถิดครับ!
คุยแล้วเครียด….
อ่านเรื่อง “อีดอก” แก้เครียดแถมทำให้ตาสว่างเรื่อง “ภาษีกู” กันดีกว่า ลอกจากเฟซเขามาทั้งดุ้นเลยนะเนี่ย
……………………..
อิ่เหมียว คาบข่าว อยู่กับ Samira Sangkla
#อ่านสนุก
เจอไปหลายดอก 555
“เงินเดือนมึงก็ตังกูไอ้สัส!”
คือคำลำเลิกบุญคุณ
ของเด็กนักเรียนที่พูดถึงครูอาจารย์
ปฏิกิริยาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง :
“วันนี้ผมขอพูดกับเด็กๆ หน่อย ทีนี้เวลาจะพูดกับเด็กๆ ก็คงต้องใช้ภาษาเดียวกันพูดกับเด็กๆ
เพราะถ้าพูดคนละภาษา อาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น วันนี้ผู้ใหญ่อย่าตกใจ ผมขอพูด “ภาษาเด็กหน่อย”
…………………………………
มึงเป็นนักเรียนไม่ใช่เหรออีดอก มึงทำงานตั้งแต่เมื่อไร มึงมีเงินไปจ่ายค่าจ้างให้ครูอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่
ครูอาจารย์เค้ารับเงินค่าจ้างจากมึงตั้งแต่เมื่อไหร่อีดอก
ถ้ามึงไปทำงาน แล้วที่ทำงานไม่ให้มึงยก 3 นิ้ว ในที่ทำงาน แต่มึงจะยก มึงคิดมั้ยว่าเค้าจะไล่มึงออกมั้ย
มึงได้ยินที่อาจารย์เค้าพูดมั้ย
ว่าสถานที่ราชการมีกฏระเบียบ ถ้ามึงทำผิดกฎระเบียบ อาจารย์คือคนที่ต้องรับโทษแทนมึง
เหมือนกัน ถ้ามึงไปทำงานแล้วที่ทำงานห้ามมึงชู 3 นิ้ว แต่มึงจะชู เค้าก็ไล่มึงออก เพราะถ้าไม่ไล่มึงออก เค้าต้องออกเอง เพราะเค้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่มึงทำ
…………………………..
แล้วครูอาจารย์ไม่ใช่ลูกจ้างมึง เข้าใจซะใหม่อีดอก
เค้าเป็นข้าราชการ ที่แปลว่าเค้าเป็นลูกจ้างของรัฐบาล กินเงินเดือนจากรัฐบาล ต้องทำตามกฏระเบียบของรัฐบาล
การที่รัฐบาลเก็บภาษี ไม่ได้หมายความว่า เค้าเป็นขี้ข้ามึงอีดอก เข้าใจซะใหม่ด้วย
มึงใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติของชาติ เช่น ใช้ถนน ใช้สะพาน แม้แต่ใช้สถานที่ของโรงเรียน เข้ามานั่งเรียนในโรงเรียน ทั้งหมดนั้นเป็นเงินที่รัฐบาลลงทุน
ค่าเทอมที่พวกมึงจ่ายถูกกว่าความเป็นจริง เพราะรัฐบาลอุ้มเอาไว้ มึงจ่ายค่าเทอมแค่ส่วนนิด แต่ส่วนใหญ่คือเงินงบประมาณจากรัฐบาล
เพราะฉะนั้นรัฐบาลถึงเรียกเก็บเงินจากประชาชน ซึ่งไม่ใช่มึงเพราะมึงยังไม่ได้ทำงาน มึงยังไม่เคยเสียภาษีอีดอก
แถมมึงคือคนที่มาใช้ประโยชน์ฟรีๆ จากเงินภาษีของคนอีกมากมาย
มึงนั้นแหละที่มาใช้ประโยชน์ฟรีๆ จากเงินภาษีที่ครูอาจารย์จ่ายทุกปีทุกเดือน
ไม่ใช่ครูอาจารย์รับเงินเดือนจากมึงอีดอก
…………………………
ภาษี ที่ประชาชนผู้มีรายได้จ่ายให้รัฐบาล คือค่าใช้จ่าย ที่รัฐบาลทำถนน ทำสะพาน สร้างโรงเรียน และอีกหลายอย่าง
ถ้ามึงไม่อยากเสียภาษี มึงอย่าเดินถนน อย่าข้ามสะพาน อย่ามาเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล ในมหาวิทยาลัยของรัฐบาล
แค่มึงก้าวขาออกจากบ้าน มึงก็ใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนของรัฐบาลแล้ว
เพราะฉะนั้นอย่าออกจากบ้านเด็ดขาด อีดอก
มึงยังไม่เคยจ่ายภาษี แต่เป็นคนใช้ประโยชน์จากเงินภาษี ใช้ภาษีจากการเป็นนักเรียนของโรงเรียนของรัฐบาล เป็นนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ มึงกำลังเอาเปรียบคนที่เสียภาษี มึงรู้ตัวมั้ยอีดอก
……………………….
มันมีของฟรีในโลกหรือไง เอาง่ายๆ ถนนที่มึงเดินอยู่ทุกวัน เป็นสิ่งที่รัฐบาลลงทุนทำ ค่าอิฐหินดินทราย ค่าแรงคนงาน ค่าแรงพนักงานข้าราชการ ก็มาจากรัฐบาล
โรงเรียนที่มึงเรียน มหาวิทยาลัยที่มึงเรียน มึงจ่ายค่าเรียนแค่ส่วนเดียว ที่เหลือรัฐบาลเป็นคนจ่าย
จ่ายทั้งค่าที่ดิน ค่าสร้างตึก ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย
แล้วรัฐบาลก็มาเรียกเก็บเงินจากประชาชนที่ต้องใช้ถนน ใช้สะพาน ส่งลูกไปเรียน เงินที่เรียกเก็บนั้น มันเรียกว่าภาษี
เหมือนที่มึงไปดูหนัง
มึงต้องซื้อตั๋ว มึงอยากเล่นเกมส์ มึงต้องซื้อ มึงอยากแต่งหน้าแต่งตัว มึงก็ต้องจ่าย
แต่นี้รัฐบาลจ่าย แล้วถึงมาเรียกเก็บ ที่มันเรียกว่าเก็บภาษี
มึงเข้าใจมั้ยอีดอก
…………………………..
มึงเคยขึ้นรถไฟฟ้ามั้ย
บริษัทเอกชนเค้าลงทุนสร้างจนเสร็จ มึงถึงไปขึ้น แล้วมึงก็จ่ายค่าตั๋วรถไฟ
BTS ไม่ได้เป็นขี้ข้ามึง เค้าเป็นคนลงทุนแสนล้าน แต่เก็บค่าบริการจากมึงทีละไม่กี่สิบกี่ร้อย ค่อยๆ เก็บไปจนกว่าจะคุ้มทุน
รัฐบาลก็ทำแบบเดียวกัน
รัฐบาลเป็นคนลงทุนแสนล้าน แต่เก็บค่าบริการจากมึงทีละไม่กี่สิบกี่ร้อย ค่อยๆ เก็บไปจนกว่าจะคุ้มทุน
เงินที่รัฐบาลเก็บ เรียกเป็นภาษาราชการ ว่า ภาษี
ซึ่งเป็นอันเดียวกับที่บริษัทเอกชนเก็บ เพียงแต่ในภาษาเอกชน มันก็เรียกว่า ค่าตั๋ว ค่าตั๋วรถไฟ ค่าตั๋วหนัง ค่าตั๋วคอนเสิร์ต ค่าเครื่องสำอาง ค่าชุดนักเรียน ค่ากระเป๋า ค่ารองเท้า ค่าอาหาร
เข้าใจมั้ย เข้าใจซะใหม่นะอีดอก
……………………..
ทั้งคำว่า ภาษีหรือค่าต่างๆ ทั้งหมดนั้น คือสิ่งเดียวกัน เพียงแต่เรียกต่างกัน
มันคือค่าใช้สินค้าและบริการ
คนเสียภาษี ไม่ใช่เจ้าหนี้รัฐบาล รัฐบาลไม่ใช่ขี้ข้ามึง ข้าราชการก็ไม่ใช่ขี้ข้ามึง
ข้าราชการ ครูอาจารย์ ทหารตำรวจ เป็นลูกจ้างรัฐบาล ไม่ใช่ลูกจ้างมึงอีดอก
รัฐบาลจ้างข้าราชการ ทหารตำรวจ ครูอาจารย์ มาทำงานให้รัฐบาล ไม่ใช่มึง
รัฐบาลก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการ ทหารตำรวจ ครูอาจารย์ ไม่ใช่มึงอีดอก
แล้วรัฐบาลเค้าก็มาเก็บเงินจากคนที่มาใช้บริการ
ใช้บริการจากกิจกรรมของรัฐบาล เช่น ดินถนน ข้ามสะพาน เรียนหนังสือ
แต่เค้าเมตตาเก็บแต่คนที่มีรายได้สูงพอ เค้ายกเว้นคนมีรายได้ต่ำและพวกเด็กๆอย่างมึงอีดอก
………………………….
เงินไม่เคยเสีย ภาษีไม่เคยจ่าย มีแต่ใช้ๆๆ ใช้ประโยชน์จากเงินของคนที่จ่ายภาษี ใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนของรัฐบาล เสือกเรียกร้องสารพัด เอาแต่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเสีย อีดอก
พูดแบบนี้ไม่ได้เดือด ไม่ได้หัวร้อน
แค่พยายามพูดภาษาเดียวกับมึง เผื่อจะทำให้มึงได้เข้าใจ อีดอก
………………………
สังคมมันหยาบช้า เพราะคนมันหยาบคาย พูดดีๆ ได้เฉพาะคนที่พูดดีๆ เหมือนกัน
แต่ถ้าจะพูดกับคนหยาบคาย มันก็ต้องหยาบๆ ให้เหมือนกัน มันถึงจะฟังกัน
………………………
“อีดอก” คือภาษาทิพย์ คนรุ่นใหม่นิยมใช้ อยากเป็นรุ่นใหม่ ก็ฝึกกันไว้ให้คล่องนะ…อีดอก..อีดอก.