“ไทย…ด้วยทศพิธราชธรรม”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

สงกรานต์นี้……
ไม่ได้ไปร่วมรื่นเริงที่ไหน แต่แค่อ่านคำอำนวยอวยพรต่อกันและกันของพี่น้องไทยในเฟซ ก็ชุ่มฉ่ำ-ชื่นใจ เหลือหลาย
ก็บอกแล้ว
ธาตุแท้พี่น้องไทยเรา “รวยน้ำใจ” ยามสุข ก็แบ่งปัน ยามทุกข์ ก็ช่วยเหลือ ไม่ทิ้งกัน
การได้เกิด-ได้อยู่ในแผ่นดินไทย เป็นคนไทยนั้น อย่านึกว่าใครก็เกิดได้-อยู่ได้เชียวนะ!

จงรู้ไว้เถิด แม้ใครก็เกิดได้ ก็จริง แต่ผู้จะอยู่ได้ “ร่มเย็น-เป็นสุข” ในแผ่นดินไทยตามฐานานุรูปไปตลอดชีวิต

ผู้นั้น ต้องเป็นผู้มีบุญวาสนาสัมพันธ์กับองค์ประกอบ ๓ คือ ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ สั่งสมมาแต่อดีตชาติด้วย

บางคนอาจบอก…ไม่จริง!
ไม่อยากเกิดเป็นคนไทยเลยบ้าง, อยากไปอยู่บ้านอื่น-เมืองอื่นบ้าง, จงเกลียด-จงชัง “ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์” มุ่งโค่นล้ม ทำลายบ้าง

นั่นเขาเพียงมีบุญแค่ได้เกิด แต่บารมีที่จะทำให้ได้อยู่-ไม่ได้อยู่ หรืออยู่เป็นสุขหรือเป็นทุกข์
นั่นเป็นไปตามธรรมชาติที่ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

ใน “ตมสูตร” พระพุทธองค์ตรัสถึงบุคคล ๔ จำพวกไว้ว่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
บุคคล ๔ จำพวกคือใคร ก็คือ….

“ตโม ตมปรายโน” บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

“ตโม โชติปรายโน” บุคคลมืดมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

“โชติ ตมปรายโน” บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

“โชติ โชติปรายโน” บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

ในหนังสือ “รำลึกวันวาน” บันทึกความทรงจำของ “หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ” ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมเกร็ดประวัติ ปกิณกธรรมและพระธรรมเทศนา “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”

ตอนหนึ่ง ของพระธรรมเทศนาหลวงปู่มั่น มีว่า….

“เมื่อพระพุทธเจ้าจะประกาศพระศาสนา ทรงหาหลักค้ำประกันอันมั่นคง คือมุ่งไปที่พระเจ้าพิมพิสาร … ความสำคัญอันนี้มีมาตลอด

หากประเทศใด ไม่มีองค์ประกอบนี้ ซึ่งเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก…ก็ปฏิเสธได้เลย

เปรียบเหมือนกับก้อนเส้า (ก้อนหินที่นำมาตั้งเป็นเตาทำอาหาร) สามก้อน

ก้อนที่หนึ่ง คือความเป็นชาติ ก้อนที่สอง มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก้อนที่สาม มีพระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก

หากขาดไปก้อนใดก้อนหนึ่งก็จะขาดความสมบูรณ์ไป ไม่สามารถจะใช้นึ่งต้มแกงหุงหาอาหารได้”

เนี่ย…..
สงกรานต์ ถ้านั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน ท่านก็ลองทบทวนพฤติกรรมแต่ละบุคคล ที่แสดงออกทาง “กาย-วาจา-ใจ” ต่อชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ดู

ว่า “ใคร-คนไหน-พวกไหน”……..
จัดอยู่ในกลุ่มไหนของ “บุคคล ๔ จำพวก” นั้น?

แล้วตามดูอนาคตของเขาเหล่านั้นไปเรื่อยๆ อย่าไปอิจฉาหรือแช่งชักใคร เราจะค่อยๆ เห็น “เบื้องต้น-เบื้องกลาง และ เบื้องปลาย” ของบุคคลเหล่านั้นเอง

เมื่อวาน ผมอ่านข้อความนี้ในเฟซ
…………………………………
สงกรานต์ ๒๕๖๕
ขอให้ทุกคนมองอนาคตด้วยความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ผู้ใดใช้ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นเครื่องมือฝึกตน ย่อมเจริญงอกงาม อย่างไม่มีที่สงสัย
พระอาจารย์ชยสาโร
12/14/65

………………………………….
พระอาจารย์ชยสาโร คือ “พระธรรมพัชรญาณมุนี” เป็นชาวอังกฤษ นามเดิมว่า “ฌอน ไมเคิล ชิเวอร์ตัน” ปัจจุบันอยู่ “สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี” นครราชสีมา

เมื่อ ๙ มีนาคม ๒๕๖๓…..
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นกรณีพิเศษแก่พระอาจารย์ชยสาโร

ด้วยเหตุผลที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า……

“ได้เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน เป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย แตกฉานในพระธรรมคำสอน มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะ ทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ

กับเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติมาก่อน ถือเป็นผู้ทำคุณประโยชน์เป็นพิเศษต่อประเทศไทยและพระพุทธศาสนา”

ผมอ่านแล้ว ซาบซึ้ง ถ้อยคำเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ลึกทะลุแก่น เช้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบัน
โลกจะเปลี่ยนแปลง-ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็เรื่องของโลก……..

แต่ “ผู้มี-ผู้ใช้ธรรมะของพระพุทธองค์ฝึกตน ไม่เพียงรอด ซ้ำยังจะเจริญงอกงามสถานเดียว โดยมิต้องสงสัย”

บางคนอาจถาม มีธรรมอะไรบ้างล่ะ สำหรับใช้ฝึกตนยามนี้?

ธรรมพุทธองค์ เป็นเรื่องของปัญญา “สัมมาสติ” แค่ “รู้อย่างไหนดี-อย่างไหนชั่ว” แล้วละชั่ว คิดแต่ดี ทำแต่ดี
แค่นี้ ก็รอดแล้ว!

ดังนั้น……….
ใครที่ไม่อยู่ในศีล-ในธรรม ไม่มีธรรมของพระพุทธองค์ฝึกตน-สอนใจ วันๆ เอาแต่มุ่งร้ายต่อ “ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์”

ต่อให้เป็นเศรษฐีหมื่นล้าน-แสนล้าน ต่อให้เป็นดอกเตอร์ ศาสตราจารย์ ต่อให้มียศ มีศักดิ์ มีอำนาจวาสนา ต่อให้เป็นท่านผู้ทรงเกียรติ

ย่อมหาความเจริญงอกงามไม่ได้ ไม่ว่าในอนาคต โลกหรือประเทศชาติ จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม!

อันพระมหากษัตริย์นั้น คือ ๑ ใน ๓ ก้อนเส้า ดังอุปมา-อุปไมยของหลวงปู่มั่น พระอรหันตเจ้าแห่งยุคสมัยกล่าวไว้

ความเป็นประเทศไทย ใน ๓ ก้อนเส้า ชาติ, พระพุทธศาสนา, พระมหากษัตริย์ จะขาดเสียซึ่งก้อนใด-ก่อนหนึ่ง ก็จะขาดความสมบูรณ์ไป ไม่สามารถจะใช้นึ่งต้มแกงหุงหาอาหารได้

หมายถึง ประเทศชาติจะดำรงคงอยู่ไม่ได้นั่นเอง!

เพราะเช่นนี้แหละ ที่คนพวกหนึ่ง รับแผนนอกชาติ พยายามทำลาย “๓ ก้อนเส้า” ให้เสื่อมสลาย
เพื่อแปลง “แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง” ให้เป็น” แผ่นดินของชำร่วยโจร” นั้น

อย่าหวังเลย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ เพราะพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์นั้น ทรงดำรง “ทศพิธราชธรรม” ครบถ้วนมั่นคง

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๑๐
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พระปฐมบรมราชโองการ ว่า

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

เราทั้งหลายผู้มีธรรมในหัวใจ ย่อมเห็นเป็นที่ประจักษ์ตามิใช่หรือว่า ในหลวงรัชกาล ที่ ๑๐ นับแต่วันนั้นสืบมา
บ้านเมือง มีพัฒนาการ ทางการจัดระบบ-ระเบียบ ในทาง “สืบสาน รักษา และต่อยอด” โดยเฉพาะบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ปรากฎเป็นรูปธรรมเด่นชัดมากมายขนาดไหน

ทั้งชีวิต ความเป็นอยู่ เพื่ออนาคตยั่งยืนของอาณาประชาราษฏร์ด้านอาชีพและการทำมาหากิน ป่าและน้ำ อันเป็นหัวใจหลัก

พระองค์ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการตามพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฏร์ชัดเจน

โครงการ “โคก หนอง นา” เป็นโมเดลนำร่อง “พอเพียงปฐมภูมิ” ให้ชาวบ้าน มีอยู่-มีกิน
ยืนได้ก่อน แล้วค่อยๆ ต่อยอดเหลือกิน สู่การค้าขาย

หลายอย่างในบ้านเมือง ถนน คู คลอง แหล่งชุมชนแออัด ได้รับการพัฒนา
สนามม้านางเลิ้ง พัฒนาเป็น “อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.๙” เป็นสวนสาธารณะกลางกรุง

พระราชทานที่ดินกว่า ๓๐๐ ไร่ ย่านคลอง ๖ ธัญบุรี เป็นสวนสัตว์ที่เป็นระบบ-ระเบียบ

พระองค์ทรงติดตามข่าวสาร ดูแลสุข-ทุกข์อาณาประชาราษฎร์ตลอดเวลา จะเห็นว่า ราษฏรประสบภัย หรือมีเหตุที่ไหน ความช่วยเหลือจากพระองค์ไปถึงทันที

พระองค์หนักแน่น-มั่นคง ไม่สนพระทัยว่าใครจะมุ่งร้าย หมายทำอะไรพระองค์
ตรงกันข้าม ทรงสนพระทัยแต่ว่า พระองค์จะทรงทำอะไรในทางเปลื้องทุกข์สร้างสุขให้พสกนิกรของพระองค์

อยากให้ทุกคน มองไปรอบๆ ตัว แล้วค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงบำเพ็ญปฏิบัติ นับแต่วันขึ้นครองราชย์?

มีข้อไหน ใน “ทศพิธราชธรรม” ที่พระองค์ทรงบกพร่องบ้าง?

-ทาน นอกจากสละทรัพย์สิ่งของแล้ว หมายถึงการให้น้ำใจแก่ผู้อื่นด้วย

-ศีล ความประพฤติดีงาม ทั้ง กาย วาจา ใจ ทั้งในการปกครอง ได้แก่ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนา

-บริจาค การเสียสละสุขส่วนตน เพื่อสุขส่วนรวม

-ความซื่อตรง ในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง ดำรงอยู่ในสัตย์สุจริต

-ความอ่อนโยน มีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสและอ่อนโยนต่อบุคคลที่ เสมอกันและต่ำกว่า

-ความเพียร มีความอุตสาหะในการปฏิบัติงาน โดยปราศจากความเกียจคร้าน

-ความไม่โกรธ คือ ความไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏเห็น แม้จะลงโทษผู้ทำผิด ก็ทำตามเหตุผล

-ความไม่เบียดเบียน หรือบีบคั้น ไม่ก่อทุกข์หรือเบียดเบียนผู้อื่น

-ความอดทน คือการมีความอดทนต่อสิ่งทั้งปวง รักษาอาการ กาย วาจา ใจให้เรียบร้อย

-ความเที่ยงธรรม หนักแน่น ถือความถูกต้อง เที่ยงธรรมเป็นหลัก ไม่เอนเอียงหวั่นไหวด้วยคำพูด อารมณ์ หรือลาภสักการะใดๆ

เมื่อตรองตามนี้แล้ว จะเห็นว่า พระองค์ทั้งยึดมั่นในพระราชปณิธาน ทั้งเพียบพร้อมในทศพิธราชธรรม

ด้วยตบะบารมี โดยเฉพาะ “ขันติ-อักโกธะ” อันประจักษ์ชัดเช่นนี้ ความเป็นก้อนเส้า “พระมหากษัตริย์ผู้มีธรรมพระพุทธองค์เป็นเครื่องฝึกตน

ประเทศไทย-คนไทย ไม่เพียงรอด
ซ้ำยังจะเจริญงอกงามสถานเดียว โดยมิต้องสงสัย”

Shopee Add To Cart | วันอุ่นเครื่อง พร้อมช้อป ช้อปต่อไม่รอแล้วนะ เพิ่มสินค้าชิ้นโปรดในตะกร้า รอเก็บโค้ดส่วนลด 4.15 โปรลด สยบร้อน ช้อปกับช้อปปี้ให้คุ้มตลอดหน้าร้อน เก็บโค้ดรับเงินคืน 15% coins และโปรอื่นๆ อีกมากมาย



Written By
More from plew
“การเมืองถึงระดับโรงเรียน”
ทำไม “จาตุรนต์” กับแก๊งโหน “ก่อการ ๒๔๗๕” จึงเร่งให้โรงรียน “เปิดเทอม” เร็วๆ? บางคนอาจสงสัย…….. ก็ในเมื่อรัฐบาลประกาศแล้ว เพื่อป้องกันโควิดแพร่เชื้อ ให้เลื่อนจากกลางพฤษภา.ไปเปิดเทอมวันที่...
Read More
0 replies on ““ไทย…ด้วยทศพิธราชธรรม”-เปลว สีเงิน”