บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 เติบโตต่อเนื่อง มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,758 ล้านบาท พร้อมก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่ง ก๊าซธรรมชาติ เดินหน้าร่วมทุนกลุ่ม กฟผ. นำ “อินโนพาวเวอร์” ลุยธุรกิจ Smart Energy Solution เต็มรูปแบบนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 การดำเนินธุรกิจนับว่ามีความท้าทายมาก ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีดิสรัปชัน แต่บริษัทก็สามารถขยายการลงทุนใหม่ได้สำเร็จ โดยสามารถไปปักธงในสหรัฐอเมริกา ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งได้ปิดดีล เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในขณะเดียวกัน ยังสามารถขยายการลงทุนสู่ธุรกิจเชื้อเพลิง โดยได้รับมติเห็นชอบ การออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper License) 200,380 ตันต่อปี จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นอกจากนี้ ยังสามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้ดำเนินไปได้ตามแผนงาน”
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) 2,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพาจู และโรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูรา ในขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 4,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เมื่อพิจารณากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,510 ล้านบาท ลดลง 3,565 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวน 2,095 ล้านบาท ลดลง 2,567 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกระทบทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการแปลงมูลค่าหนี้สินระยะยาวเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินบาทจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท
ด้านโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” ในไต้หวัน ก่อสร้างแล้วเสร็จ 69% และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ก่อสร้างแล้วเสร็จ 89% นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการ “ขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% ในขณะที่โครงการ “นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง” อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ
สำหรับทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลังของปี 2564 นายเทพรัตน์ กล่าวว่า เอ็กโก กรุ๊ป กำลังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง และการนำเข้าแอลเอ็นจีตามที่ได้รับใบอนุญาตจาก กกพ. รวมทั้งธุรกิจ Smart Energy Solution เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ การลงทุนในบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม กฟผ. เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S-Curve โดยเอ็กโก กรุ๊ป จะเน้นการต่อยอดทางธุรกิจของเทคโนโลยีด้านไมโครกริด ด้านระบบกักเก็บพลังงาน และด้านยานยนต์ไฟฟ้า
“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยมุ่งต่อยอดธุรกิจไฟฟ้า โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด ในขณะเดียวกัน ได้เร่งขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างสมดุลในพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมพลังงาน ทำให้มั่นใจได้ว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะสามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว” นายเทพรัตน์กล่าวสรุป