เป่านกหวีดทำไมต้องขอโทษ-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จะดุเดือดอะไรขนาดนั้น…

            นับวันความขัดแย้งทางการเมือง กำลังถูกทำให้เป็นเทรนด์สุดฮิตในชีวิตวิถีใหม่ 

อยู่ห่างๆ ถ้าไม่ใช่พวก

            ครับ….การคอลเอาต์ นำไปสู่การ บูลลี ชักจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ

            กลายเป็นเรื่องที่ทำตามๆ กัน

            โดยเฉพาะในวงการบันเทิง

            ที่เห็นมากในวันนี้คือ “คอลเอาต์ นกหวีด”

            จุดกระแส “นกหวีดกลับใจ”!

            ดารา นักร้อง เซเลบ พากันประกาศตัวว่า นกหวีดคืออดีตปัจจุบันคือสามนิ้ว

            มีคำถามคือ…ทำไมเป่านกหวีดต้องรู้สึกผิด

            หรือต้องออกมาขอโทษ แสดงความเสียใจ ที่เคยร่วมเป่านกหวีด

            ตอนเป่านกหวีด คนพวกนี้คิดอะไรอยู่?

            หรือเป่าเพราะเห็นคนอื่นเป่า

            เลยเป่าตามๆ กัน

            เป่าเพราะเป็นเทรนด์ในขณะนั้น

            เห็น “เทพไท เสนพงศ์” โพสต์เรื่องนี้ น่าสนใจ

                “….ผมเห็นข่าว ที่มีคนที่เคยเข้าร่วมขบวนการนกหวีด หรือกับ กปปส.ได้ออกมาขอโทษ หรือแสดงความเสียใจ ต่อการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนั้น

                ผมขอเรียนว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป่านกหวีด

                และเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับ กปปส.ในช่วงนั้น ผมมีความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการออกกฎหมายลักหลับ  ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างผิดให้คนโกง

                ซึ่งผมยังยืนยันว่าในสถานการณ์ตอนนั้น การออกมาเป่านกหวีด เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ของมวลมหาประชาชนทุกคน

                และการเคลื่อนไหวทางการเมืองในตอนนั้น เป็นคนละส่วนกับสถานการณ์การเมืองในตอนนี้ ที่มีพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะนำมาเชื่อมโยงกันไม่ได้

                การตัดสินใจของใครก็ตาม ไม่ว่าจะเคยเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับ กปปส.หรือไม่ ถ้าจะออกมาต่อต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปผูกติด หรือเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวในอดีต

                การออกมาต่อต้าน และขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด-๑๙ หรือเหตุผลใดๆ ทางการเมืองในตอนนี้ ก็เป็นประเด็นของสถานการณ์ปัจจุบัน  อย่านำไปเชื่อมโยงกับอดีต

                เพราะภารกิจของ กปปส.ได้จบไปแล้ว ไม่ต้องออกมาขอโทษ หรือแสดงความเสียใจ หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

                นกหวีด มีไว้เป่าขับไล่สิ่งชั่วร้าย คนไม่ดี ซึ่งไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ที่ทำชั่ว และทรยศต่อประชาชน ก็สามารถใช้นกหวีดเป่าขับไล่ได้ทั้งนั้น

                และนกหวีด ก็ไม่ได้มีไว้สำหรับเป่าเชียร์ใคร หรือสนับสนุนใคร ให้อยู่ในอำนาจต่อไป เพราะนกหวีด คือ สัญลักษณ์ของการต่อต้านสิ่งชั่วร้ายในประเทศของเรา…”

            ลองนับอายุพวกที่อ้างว่านกหวีดกลับใจ ก็ไม่มากมายอะไรนัก

            ส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่

            การรับรู้ถึงการต่อสู้กับระบอบทักษิณจึงอาจไม่ลึกซึ้งพอ

            ฉะนั้นการกลับใจ ก็ต้องตั้งคำถามว่า กลับใจจากอะไร

            กลับใจจาก พ.ร.ก.นิรโทษโกงหรือเปล่า?

            ถ้ากลับใจจากเรื่องนี้คือหายนะของประเทศดีๆ นี่เอง

            อย่าเอาความไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ มาเป็นข้ออ้าง ว่าเสียใจที่ไปเป่านกหวีด 

            เพราะคิดเช่นนั้นจะเสียใจไปตลอดชาติ

            จุดเริ่มต้นของการเป่านกหวีดคืออะไร

            ขณะนั้นใครก็ตามที่เกลียดคอร์รัปชันโดยบริสุทธิ์ใจ ส่วนใหญ่จะร่วมเป่านกหวีดไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

            คนที่บอกว่าเสียใจ ขอโทษ ที่เคยร่วมเป่านกหวีด มีความเข้าใจหรือไม่ว่าตัวเองร่วมเป่าเพราะอะไร 

            รู้หรือไม่ว่าทำไมต้องออกมาเป่านกหวีดต่อต้าน พระราชกำหนดนิรโทษกรรมสุดซอย

            งั้นมาดูกันอีกที

            มาตรา ๓ พระราชกำหนดฉบับนี้กำหนดว่า…

            “ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ ๑๙  กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง  พ.ศ.๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”

            ถ้าพระราชกำหนดฉบับนี้ผ่านจะเกิดอะไรขึ้น?

            คดีก่อนหน้าคือการชุุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม

            แต่คดีเผาบ้านเผาเมืองเป็นอันจบทั้งหมด

            ไม่ใช่จบแบบธรรมดา แต่จบแบบมีแพ็กเกจพ่วง  เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาอีกร่วม ๒  พันล้านบาท

            ประเด็นสำคัญคือ “การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร” ต้องได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด

            หมายความว่าคดีโกงโดยระบอบทักษิณ ที่ถูกดำเนินคดีโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ซึ่งก็คือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)  ให้ถือเป็นโมฆะทั้งหมด

            ก็เท่ากับว่าที่ทักษิณโกงไป ไม่เป็นความผิด

            ฉะนั้นก่อนที่จะบอกว่าตัวเองเป็นนกหวีดกลับใจ ลองกลับไปทบทวนดูก่อนว่า กลับใจจากอะไร?

            มวลมหาประชาชนเรือนล้านไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ยิ่งลักษณ์ไม่ไป

            คิดหรือว่าคนเป็นล้านๆ นี้คือคนโง่

            รัฐบาลยิ่งลักษณ์สิ้นสภาพเพราะการรัฐประหาร แต่ใช่ว่ามวลมหาประชาชนทั้งหมดจะเห็นด้วยกับรัฐประหาร

            และต้องรู้จักก่อนว่า มวลมหาประชาชนคือใคร?

            เคยตั้งข้อสังเกตกันหรือไม่ว่าทำไม พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่สนับสนุนโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ถึงได้ ส.ส.แค่ ๕ ที่นั่ง

            มวลมหาประชาชนไม่ใช่คนของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” และไม่ใช่คนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหารไปเสียทั้งหมด

            และไม่ควรนำข้ออ้างไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ เป็นเหตุผลว่าเสียใจที่เคยร่วมเป่านกหวีด

            ประเด็นนี้สำคัญมาก

            การเปลี่ยนจุดยืนต่อต้านคอร์รัปชันในอดีต เพียงเพราะไม่ชอบรัฐบาลปัจจุบัน แถมยังกลับไปยกยอปอปั้นรัฐบาลขี้โกงในอดีตว่าเก่งกล้าสามารถกว่าใคร ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจที่สุด

            ฉะนั้นที่บอกว่า “นกหวีดกลับใจ” แปลความหมายเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

            คือเปลี่ยนจุดยืนเรื่องโกงนั่นเอง

0 replies on “เป่านกหวีดทำไมต้องขอโทษ-ผักกาดหอม”