กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล, พ.ต.อ.ปิยพล แป้นแก้ว, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.ศรายุทธ จันซิว, ร.ต.อ.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 1 กก.6 บก.ป. ร่วมจับกุม น.ส.นิภาธร (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสงขลาที่ 219/2563 ลง 9 ธ.ค. 2563 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ที่หน้าบ้านละแวก ต.ท่าชัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปี 2562 คนร้ายได้ติดต่อซื้อทองออนไลน์กับร้านทองคำ รูปพรรณชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้ปลอมแปลงสลิปการโอนเงินว่าได้ซื้อทองคำกับทางร้าน จนทางร้านหลงเชื่อ จัดส่งทองคำไปให้กับคนร้าย ซึ่งคนร้ายทำพฤติกรรมลักษณะเช่นนี้ประมาณ 9 ครั้ง มูลค่าความเสียหายกว่า 400,000 บาท โดยจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาโอนเงินมาให้ทางร้านเป็นเงินจำนวน 1 บาทเท่านั้น
ทางผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเชื่อว่าคนร้ายคือ น.ส.นิภาธรฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว
กระทั่งวันที่ 9 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าชัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และทำการจับกุมผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมาที่จ.28/2564 ลง 28 มกราคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฉ้อโกง”
และหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่จ.118/2564 ลง 5 เมษายน 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, หลองลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยทุจริต และฉ้อโกงทรัพย์”