นายอัครเดช วงษ์ทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จากพ.ร.ก.3ฉบับเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูปัญหา โควิด-19 ระบุเห็นด้วยที่รัฐบาลปรับลดวงเงินกู้ใน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 จากวงเงิน 7 แสนล้านบาท เหลือเพียง 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น เพราะเงินกู้คือเงินที่จะต้องชำระคืน ซึ่งเป็นภาระเงินภาษีของประชาชนในอนาคต แต่ทั้งนี้ไม่อยากให้รัฐบาลพิจารณาเฉพาะตัวเลข GDP ว่าเมื่อมีเงินกู้ก้อนนี้แล้ว GDP จะเติบโต 1.5% แต่อยากให้พิจารณาว่าเมื่อกู้มาแล้วจะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลเกิดการหลงทางได้ และที่ผ่านมาตัวเลข GDP ยังทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยว่าทำไม GDP โตขึ้น แต่ประชาชนยังลำบากอยู่
“เพราะที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องดูแต่ตัวเลข GDPซึ่งที่ผ่านมาตัวเลข GDP มันโต แต่เม็ดเงินมันไปกระจุกอยู่เฉพาะบางกลุ่มสาขาอาชีพ เช่น ผู้รับเหมาภาครัฐ ผู้ส่งออก แต่การบริโภคประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงไม่อยากให้รัฐบาลหลงทางว่ากู้เงินมาแล้วจะกระตุ้นให้ GDPโตอีก 1.5% ไม่อยากให้รัฐบาลไปมุ่งตรงนั้น แต่อยากให้รัฐบาลกู้มาแล้วเอาเงินมาใช้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ และฟื้นฟูภาคธุรกิจที่มีปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19โดยตรง จะดีกว่าไปดูตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะมันจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณหลงทางได้ ” นายอัครเดช กล่าว