ผักกาดหอม
ผิดคาด!
ไม่มี ส.ส.ก้าวไกล ไปประกันตัว “แอมมี่”
เพื่อไทย ไม่ต้องพูดถึง เพราะหลังจากขึงขังได้วันเดียว ก็กลับลำ
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พูดเอาไว้ชัดเจน
“…หากมีการจับกุมที่ชัดเจน คงจะต้องมีการหารือเพื่อช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งต้องดูข้อกล่าวหาและประเด็นต่างๆ
เพราะจากการติดตามข่าวคือมีเหตุเพลงไหม้ และลุกลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อน ซึ่งเราก็จะพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไป…”
สุดท้ายชิ่ง!
ถามว่าทั้งสองพรรคนี้มีสิทธิ์ประกันตัว “แอมมี่” หรือไม่
คำตอบคือมีสิทธิ์เต็มร้อย
แต่การเงียบแล้วปล่อยให้ “แม่แอมมี่” วิ่งขึ้นวิ่งลงศาลเอง มันสะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่สนับสนุนม็อบ ๓ นิ้วมาโดยตลอดนั้น
หาจริงใจกับชาว ๓ นิ้วไม่
หรือนี่คือการเอาตัวรอด เพราะคดีใหญ่เกินกว่าที่จะเอาพรรคเข้าไปแลก
ฟังจากฝั่งก้าวหน้า-ก้าวไกล ได้ความว่า แค่คดีวางเพลิง
พระบรมฉายาลักษณ์ เป็นแค่ทรัพย์ ไม่ใช่การอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
ก็ถามกลับง่ายๆ….
แค่คดีวางเพลิง แล้วทำไมไม่มีใครไปประกันตัว “แอมมี่” เหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้
ส.ส.บางคนประกันตัวผู้ต้องหา ม.๑๑๒ จนหมดโควตา ก็ยังมี ส.ส.ก้าวไกลอีกหลายคนสามารถทำหน้าที่ต่อได้
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็อยู่ในข่าย ไปช่วยกลัดกระดุมให้ “แอมมี่” ได้
แต่นิ่งเฉย
หรือคราวนี้หลักฐานชัดเกินไป เกรงถูกลากเข้าสู่ขบวนการล้มเจ้าด้วย
อาจส่งผลถึงขั้นถูกยุบพรรค!
ฉะนั้น ๓ นิ้วดูไว้ ถูกยุให้ล้มเจ้า เมื่อเข้าตาจน มีใครหยิบยื่นความช่วยเหลือหรือไม่
กรณีของ “แอมมี่” ศาลไม่ให้ประกันตัว และคงจะอยู่ในเรือนจำยาว เพราะมีพฤติกรรมหลบหนี
“แอมมี่” ถูกส่งเข้าเรือนจำธนบุรี ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เจอกับ ๔ สหายที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
สำหรับ “เพนกวิน” ศาลยังคงไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว
ก็แน่นอน ฝั่งม็อบ ๓ นิ้ว ไม่พอใจศาล
ไปบิดเบือนในโซเชียลให้ศาลเสียหาย
หาว่าศาลถูกครอบงำ
ฉะนั้นคำสั่งไม่ปล่อยตัวคราวนี้ ศาลจึงอธิบายอย่างละเอียด เพื่อคลายข้อสงสัย ถึงกระบวนการ และเหตุผล ในการออกคำสั่ง
…คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ร้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก
หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง
ศาลนี้เห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้ว
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว
แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้
แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้น ต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี
เช่น มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ อนุสอง
หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนี
หรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ศาลหาจำต้องระบุเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘/๑ ใหม่ไม่ เพราะเท่ากับจะเป็นการคัดลอกข้อความที่ศาลนี้และศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไว้แล้ว
ยิ่งเมื่อศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง หากศาลจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่มีเหตุ ย่อมเป็นการวินิจฉัยคดีตามอำเภอใจ
ไม่เป็นแนวทางที่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยที่ ๑ อาจเจ็บป่วยเพราะมีโรคประจำตัวนั้น
ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ มีอาการเจ็บป่วยจริงจนถึงขนาดไม่สามารถรักษาพยาบาลภายในเรือนจำได้
ส่วนที่จำเลยที่ ๑ เป็นนักศึกษานั้น มีเพียงเหตุผลให้คาดคะเนได้ว่าจะไม่สะดวกในการศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น
ยังไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจะกระทบต่อการเรียนของจำเลยที่ ๑ อย่างชัดเจนร้ายแรงอย่างไร
ส่วนการดูแลครอบครัวและการประกอบอาชีพของจำเลยอื่น ก็เป็นเหตุความขัดข้องทั่วไปของบุคคลซึ่งต้องคดี
ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมว่าจำเลยทั้งหมดได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จนถึงขนาดที่จะมีผลเพราะให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว
ยกคำร้อง….
ฉะนั้นขอประกันอีกกี่ครั้ง คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เพราะในข้อเท็จจริง “เพนกวิน” ได้รับโอกาสมาหลายครั้ง แต่กลับทิ้งโอกาสด้วยการทำผิดซ้ำ แบบซ้ำซาก
การอ้างเรื่อง เรียน ดูแลครอบครัว เจ็บป่วย มาเป็นเหตุผลเพื่อให้ได้ประกันตัวนั้น เป็นเรื่องที่ “เพนกวิน” รู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร
และเห็นผลอยู่แล้วหากไม่ได้ประกันตัว จะเกิดอะไรตามมา
ฉะนั้นหากศาลให้ประกันตัวเพราะเหตุผลเหล่านี้ ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้ ผู้ต้องหา จำเลย ในคดีอื่นๆ อ้างเป็นเหตุให้ปล่อยตัว
มันจะวุ่นกันไปใหญ่
แม่ของเพนกวินพูดไว้น่าสนใจ
“ความเห็นต่างไม่ใช่สิ่งที่ผิด นั่งกินข้าวด้วยกันได้ อยู่กันอย่างมีความสุขดีกว่าไหม ชีวิตมันสั้น อยู่อย่างให้คนรุ่นหลังเป็นตัวอย่าง บางอย่างเราสอนเด็ก แต่ถ้าการกระทำมันขัดแย้งกับสิ่งที่เราสอน ไม่มีประโยชน์ เด็กเห็นจากสิ่งที่เราทำ เราสอนอะไรกับเด็กเราก็ทำเป็นตัวอย่างให้เด็กดู วันหนึ่งเราไม่อยู่ในโลกนี้ เขาจะได้ภูมิใจและคิดถึงเราด้วย”
ครับ…นึกถึงนิทานอีสป
แม่ปูกับลูกปู.