ผักกาดหอม
ข่าวล่า มาไว ตามแทบไม่ทัน
ก็เรื่องที่ว่าพรรคเพื่อไทยตั้งธงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตัด สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ออกจากสารบบ เพื่อขวางก้าวไกลไม่ให้ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ต้นตอข่าวมาจาก “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูบ the standard เนื้อหาระบุว่า…
“…ได้ยินข่าวจากคนในพรรคเพื่อไทยเผยว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะแก้รัฐธรรมนูญให้ไม่มี สส.บัญชีรายชื่อ เป็นคำบอกเล่าจริงหรือไม่จริงไม่รู้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการชนะก้าวไกล คือรวบรวมบ้านใหญ่และไม่มี สส.บัญชีรายชื่อ…”
“…ถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่ง เพราะจากการติดตามยุทธศาสตร์การเดินของทักษิณ ชินวัตร ที่เข้าไปหาบ้านใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการรวบรวม สส.เขต…”
“…ถ้าจะคิดกันพรรคก้าวไกลที่มีกระแสดี การตัด สส.บัญชีรายชื่อจะมีผลกระทบไปถึงพรรคก้าวไกล แต่ขอย้ำว่าไม่รู้ว่าใครคิด แต่มีคนเล่าให้ฟัง แต่ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน…”
คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่
คำตอบคือ การเมืองไทย ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และบางสิ่งที่คิดว่าใช่แน่ๆ กลับเป็นไปไม่ได้
สรุปคือ…อย่าเผลอ!
ในแง่คณิตศาสตร์การเมือง หากนำผลการเลือกตั้งปี ๒๕๖๖ โดยตัดคะแนนพรรคออก ซึ่งก็คือจำนวนเก้าอี้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ใช้เฉพาะผลเลือกตั้งระบบเขตเท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แทนที่พรรคก้าวไกลจะได้ สส.รวม ๑๕๑ ที่นั่ง
กลับได้เพียง ๑๑๒ ที่นั่ง
เท่ากับพรรคเพื่อไทยที่ได้ สส.เขต ๑๑๒ ที่นั่งเหมือนกัน
สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หรือ สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทใหม่ที่กำหนดให้มีขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปภายหลังจากประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๐
มีการเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. ๒๕๔๔
พรรคไทยรักไทยของ “นักโทษชายทักษิณ” ชอบมาก
เพราะโกยเก้าอี้ไปเกือบครึ่ง
๑๐๐ ที่นั่ง ได้ไป ๔๘ ที่นั่ง
พรรคคู่แข่งในขณะนั้นคือพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปเพียง ๓๑ ที่นั่ง
การเลือกตั้งยุคหลังจากนั้นพรรคระบอบทักษิณ ถึงกับวางแผนจัดทำบัญชีรายชื่อ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ๒-๓ บัญชี เอาไว้ขู่คู่แข่ง
ระบบนี้หากกระแสพรรคดี จะได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ
เป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ที่ต้องการให้รัฐบาลมีความแข็งแกร่งภายใต้การสนับสนุนของ สส.รัฐบาล
เดิมทีประเทศไทยใช้ระบบการเลือกตั้งระบบเขตเท่านั้น วนไปวนมามีทั้งระบบเรียงเบอร์ เขตเดียวเบอร์เดียว แบ่งเขตเรียงเบอร์ ฯลฯ
เลือกไปเลือกมา ได้มาเฟีย อิทธิพลท้องถิ่น บ้านใหญ่ ผู้มีบารมี เต็มสภา!
หา สส.มีความรู้ความสามารถ ที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม แทบไม่ได้ เพราะมีแต่ สส.ที่ก่อปัญหาการเมือง
สภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ จึงไปลอกระบบเลือกตั้งของเยอรมนีที่เคยประสบปัญหาคล้ายๆ กัน จึงหาวิธีแก้ปัญหา ให้ได้มาซึ่ง สส.ผู้ปราดเปรื่อง รู้ทุกเรื่อง แต่รู้จริง
สมัยนั้นใช้คำว่า “เทคโนแครต”
นั่นคือที่มาของ สส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์
เริ่มแรกที่นำมาใช้ในประเทศไทยก็ดูดีครับ แต่ละพรรค “เทคโนแครต” ล้น
แต่เลือกตั้งผ่านไปแค่ ๒-๓ ครั้ง กลายเป็นว่า สส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์เป็นที่รวมของ นายทุน หัวหน้ามุ้ง หัวหน้าวัง
ใครจ่ายเยอะจะได้ลำดับต้นๆ
จ่ายน้อยก็ลดหลั่นกันไป
อีกมุมหนึ่งเป็นการจัดลำดับชนชั้นในพรรคการเมือง
พรรคก้าวไกลเองก็ไม่เว้นครับ
ใครบอกว่าไม่ใช่ก็กลับไปดูลำดับ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ แล้วดูว่ามีคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน การคลัง ด้านการต่างประเทศ ในระดับที่ต่างประเทศให้การยอมรับหรือไม่
ส่วนใหญ่คือกลุ่มที่กุมอำนาจในพรรค
แม้ข้อมูลจาก “หญิงหน่อย” จะขาดน้ำหนัก แต่หากจะเขี่ย พรรคก้าวไกล ให้ตกจากพรรคที่มีจำนวน สส.มากที่สุดในสภา วิธีการนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก
แต่…ไม่ควรนำมาใช้
รัฐธรรมนูญถูกชำเรามามากพอแล้ว
แก้รัฐธรรมนูญครั้งหลังสุดก็มีเสียงเตือนแล้วว่า พรรคก้าวไกลจะได้ประโยชน์มากที่สุด
การเปลี่ยนระบบการคำนวณ สส.ปาร์ตี้ลิสต์กลับไปใช้เหมือนรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ โดยเศษคะแนนถูกโยนทิ้งน้ำทั้งหมด ผลมันเกิดตั้งแต่คิดจะแก้ไขกันแล้ว
แต่เราจะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไปตามสถานการณ์ทางการเมืองไปเรื่อยๆ ไม่ได้
ไม่เช่นนั้นก็แก้ไขกลับไปกลับมากันทุกปี
หากจะล้มพรรคก้าวไกล สิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยต้องจัดการอย่างเร่งด่วนคือ ออกมติพรรคห้าม “นักโทษชายทักษิณ” ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของพรรคทั้งหมด
ยกเว้นงานศพ งานบวช งานแต่งคนในพรรค จะร่วมก็ไม่ขัด
หากทำข้อนี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังจะสกัดพรรคก้าวไกลได้
เพราะ “นักโทษชายทักษิณ” คือ แนวร่วมมุมกลับ ให้พรรคก้าวไกลโกยคะแนนนิยมอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ยิ่ง “นักโทษชายทักษิณ” มีบทบาทมากเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทยก็หายนะเร็วเท่านั้น
ครับ…สถานการณ์ทางการเมืองที่เหมือนหนีผีปะปีศาจนี้จะดำรงอยู่ไปอีกพักใหญ่ เพราะพรรคการเมืองลำดับที่ ๒-๓-๔-๕ ยังไม่ฟื้น
ขณะที่ประชาชนเบื่อการเมืองแบบเก่า อยากได้ของใหม่ คล้ายๆ ยุคเริ่มต้นของระบอบทักษิณเมื่อปี ๒๕๔๔
บางทีต้องปล่อยไปครับ
ต้องให้อำนาจ!
ให้ผีกับปีศาจออกมายืนในที่สว่าง
ถึงวันนั้นคนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จะเห็นความจริง
ได้เห็นหน้าชัดๆ
ที่หล่อเหลาในความมืดนั้น
ในที่สว่างน่าสะพรึงแค่ไหน