ผักกาดหอม
แล้วความจริงก็ปรากฏ….
ก้าวหน้า-ก้าวไกล กำลังก้าวพลาด
และล้มคว่ำ
ถึงเวลาที่ หนึ่งพรรค หนึ่งคณะ โดยนายทุนไทยซัมมิท ต้องเผชิญกับความจริงเสียที
ความจริงที่ว่าคือ ความไร้เสถียรภาพภายในก๊วนตัวเอง อันเนื่องมาจากความผิดพลาดในการกำหนดทิศทาง
คราวที่แล้วเขียนเรื่องเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กับ ๓๒ ส.ส.พรรคก้าวไกล และอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่
ทั้ง ๓๒ คนล้วนรับรู้ในกระบวนการได้มาซึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตนเอง
ใครที่บอกไม่รู้ คนนั้นตอแหล
ฉะนั้น ส.ส.กลุ่มนี้ ไม่ได้มีแนวความคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์คล้อยตาม สามสัส “ทอน-บุตร-ช่อ” ไปเสียทีเดียว
ตอนนี้พรรคก้าวไกลกำลังเร่งทำร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และเตรียมให้ ส.ส.ของพรรคเซ็นชื่อสนับสนุน
แต่…พรรคก้าวไกลวันนี้ ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวเสียแล้ว
เบื้องต้นมี ส.ส. ๒ คนแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ขอร่วมลงชื่อ
คนแรก….”คารม พลพรกลาง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์
“บอกไว้ตรงนี้เลยนะครับ ผมเป็นตัวของตัวเอง อายุเยอะแล้ว ผมรู้ว่าสถาบันบางสถาบัน ท่านก็ Disrupt อยู่ พัฒนาการทางการเมืองของน้องๆ
“เป็นสิทธิเสรีภาพ ใครทำอะไรก็ทำไป แต่ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ การเมืองก็เหมือนอาหาร ใครชอบกินอะไรก็กินไป จะมาบอกว่าอยู่บริษัทเดียวกันแล้วชอบเหมือนกันไม่ได้”
“แก้ ม.๑๑๒ ผมไม่เซ็นครับ บอกผ่านสื่อเลยครับผมไม่เซ็น ไม่ทราบคนอื่นเซ็นหรือไม่ แต่ผมไม่เซ็น แล้วมาบังคับผมไม่ได้ด้วย ผมเคยงดออกเสียง ในเรื่องกฎหมายโอนอัตรากำลังพล แต่เมื่อพรรคมีมติ ผมก็มีมารยาท”
“ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับของความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ผมมาสาบานตน ผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้มาตรา ๑๑๒ ความคิดในทางกฎหมายผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่ามุมมองอะไรอย่างไร แต่สรุปว่าผมไม่เซ็น”
อีกคนคือ “ขวัญเลิศ พานิชมาท” ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแสดงจุดยืนว่า
“กระผม นายขวัญเลิศ พานิชมาท (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี)
ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนชาวศรีราชา ที่กระผมต้องทำการขออนุญาตใช้เอกสิทธิ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับมาจากการที่พี่น้องประชาชนชาวศรีราชา ได้เลือกกระผมในฐานะตัวแทนผู้สมัครรับเลือกในนามพรรคอนาคตใหม่
กระผมขออนุญาตไม่ลงชื่อแก้ไขมาตรา ๑๒๒ ตามมติพรรค (หรือพูดง่ายๆ สวนมติพรรค) ซึ่งกระผมยอมรับผลการลงโทษและการคาดโทษจากทางพรรคที่จะตามมา
และพร้อมน้อมรับคำวิจารณ์จากพี่น้องประชาชนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ทุกท่าน กระผมไม่สามารถลงชื่อญัตตินี้ ซึ่งเป็นมติพรรคได้ เพราะขัดกับหลักการส่วนตัว
พรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลเป็นพรรคที่ดีและมีอุดมการณ์ ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ ส่วนตัวผมทำงานในพื้นที่ควบคู่กันไป ผมมีความต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ห่วงใยปากท้องชาวบ้าน จึงอาจไม่มีบทบาทมากนักในสภาฯ
สุดท้ายนี้กระผมไม่เคยลืมตัว และยังสำนึกในพระคุณของพรรค รวมถึงพี่น้องประชาชน
ที่ได้ให้โอกาสกระผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ”
ส.ส. ๒ คนนี้แค่นำร่อง คาดว่าหลังจากนี้จะโผล่มาอีก
โดยเฉพาะ ส.ส.จากระบบเขตเลือกตั้ง หากไปร่วมลงชื่อพรรค เลือกตั้งสมัยหน้ามีแนวโน้มสอบตกสูงมาก
บทเรียนจากการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิสูจน์ให้เห็นแล้ว พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า ฝ่ากระแสล้มเจ้าไปไม่ได้
เพราะประชาชนยังต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่
พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ถูกครอบงำทางความคิดโดย “สามสัส” จึงไม่แปลกที่ “ปิยบุตร” จะแสดงความไม่พอใจ ด้วยการเหยียด ส.ส.ผ่านโซเชียล
… ส.ส.ต้องเป็น “ผู้แทน” ของราษฎร มิใช่ “พนักงานของรัฐ”
สถาบันการเมือง พรรคการเมือง ส.ส. ส.ว. ที่มีอำนาจอยู่ ต้องมีความรับผิดชอบในการนำประเด็นไปทำต่อ จะช้าเร็ว-มากน้อย ก็ว่ากัน แต่ต้องไปขยับ
อย่างน้อยที่สุด คือถ้าคุณเห็นว่าคนมาชุมนุม เขาเสียสละโดนคดีกันมาก ติดคุกทั้งชีวิต นับห้วงชีวิตอายุของคนคนหนึ่งอาจจะติดคุกยังไม่พอกับจำนวนคดีที่โดน อย่างน้อยๆ ๓ ประเด็นข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓ ก็ต้องขยับไปในแนวทางนี้
ถ้า ส.ส.ไม่ขยับเลย จะตอบเยาวชน ประชาชน-อนาคตของประเทศ จะเป็นความหวังให้เขาได้อย่างไร ในขณะที่คนจำนวนมากไปเรียกร้อง แต่ถ้าวันหนึ่งเขาสิ้นหวังกับพรรคการเมือง นักการเมือง ผู้แทนราษฎร คราวนี้ระบบการเมืองจะปั่นป่วนโกลาหล
ทุกๆ วินาทีที่อยู่ในสภาฯ ทุกจังหวะโอกาสที่มี ควรจะต้องขับเคลื่อนได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่สำเร็จ แต่คือเมล็ดพันธุ์ ขอให้ได้ขยับ ภารกิจสำคัญของผู้แทนราษฎรคือเรื่องแบบนี้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ผู้ที่ได้เป็น ส.ส.ไม่ควรคิดว่า ส.ส.เป็น “อาชีพ” เมื่อเป็นแล้วก็ติดใจหลงใหลต้องเป็นอีก จนทำให้ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลยเพื่อ “ราษฎร” เพราะเกรงว่าจะถูกกลไกรัฐเข้าทำลายจนตนเองต้องถูกขับออกจากการเมือง
ถ้า ส.ส.คิดว่า ส.ส.เป็น “อาชีพ” ต้องเป็นต่อไปเรื่อยๆ เขาจะขาดความเป็นอิสระ ขาดความกล้าหาญ และสยบยอมต่อกลไกรัฐ ไม่กล้าท้าทายปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ในท้ายที่สุด ส.ส.ก็จะกลายเป็น “พนักงานของรัฐ” ไป
หาก ส.ส.ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพและอำนาจประชาชน กฎหมายที่แปลง “ประชาชน” ผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ให้กลายเป็น “ไพร่” แล้ว ส.ส.ก็เป็นเพียงคนที่หายใจไปวันๆ เพื่อตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ เงินทอง อำนาจ ของตนเท่านั้น
เมื่อ ส.ส.ถูกทำให้เป็น “พนักงานของรัฐ” ไม่ใช่ “ผู้แทนประชาชน” แล้ว กลไกรัฐที่เป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตยก็ได้ครอบงำเบ็ดเสร็จ
เมื่อสถาบันทางการเมืองที่ถืออำนาจรัฐไม่อาจสนองตอบความต้องการประชาชนได้ เมื่อนั้น “ประชาชน” จักปรากฏกายขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงกันเอง
#ยกเลิก ๑๑๒…….
ยกมาให้อ่านทั้งกระบิ เพราะต้องการให้เห็นความคิดของ “ปิยบุตร” ทำตัวเหนือ ส.ส. ใช้กรอบความคิดเก่าพูดถึงไพร่ทาส โดยไม่มองบริบทที่ควรจะเป็น
“ปิยบุตร” ไม่ทบทวนบทเรียนจากการเลือกตั้ง อบจ.เลยหรืออย่างไร
๒ ส.ส.ก้าวไกล แสดงให้เห็นถึงเสรีภาพ ใช้ความกล้าหาญ ไม่ร่วมทำความระยำกับพรรค ที่บงการโดยสามสัส
ก็เข้าใจให้ตรงกันนะครับ….
ณ เวลานี้พรรคก้าวไกลบอกว่า กำลังทำร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และเตรียมให้ ส.ส.ของพรรคเซ็นชื่อสนับสนุน
แต่ “ปิยบุตร” ติดแฮชแท็ก ยกเลิก ม.๑๑๒
เป้าหมายคงไม่ต้องพูดกันอีก เพราะไม่มีเหตุผลอื่น
นอกจากล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
จึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ได้รับเครื่องราชฯ
ออกมาแสดงพลัง.