โทษที…มือมันลั่นไปเอง!

เปลว สีเงิน

ต่อจากนี้ ไม่เพียงการเมือง “ในประเทศ” เท่านั้น ที่เดินเร็ว
“การเมืองโลก”
โดยเฉพาะในภูมิภาค “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ยิ่งจะเร็วกว่า!
ทรัมป์ นั้น ของหลอก
ไบเดน คือ ของจริง ในขบวนการไซออนิสต์” อำนาจเดียวครองโลก”!
จักรวรรดิอำนาจตะวันตก จะไม่ “รบในบ้าน” เพราะมันเข็ดจนฉลาด

ฉะนั้น พื้นที่ตะวันออก, อินโด-แปซิฟิก เตรียมปรับใบเรือให้ตรงทิศทางลมเถอะ
“ประเทศใคร-ประเทศมัน” เพราะมันมาแน่!

ทั้งจีน-ทั้งอเมริกัน เป็นทั้งเพื่อนรัก เป็นทั้งญาติสนิท คบกันได้ ซบไหล่กอดกันได้
แต่ต้องเข้าใจ ว่าการกอดซบไหล่ ไม่ได้หมายถึงว่า “จริงใจ-ลึกซึ้ง” ต่อกัน แต่มันหมายถึง ต่างคนต่างซ่อนหน้าและซ่อนแววตาต่อกันตะหาก!

การเมืองระหว่างประเทศ มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน การต่อรอง-ตกลงแต่ละเรื่อง ไม่มีคำว่า “ได้เปรียบ-เสียเปรียบ”
จะมีแต่ “ต่างฝ่าย-ต่างพอใจ” ในข้อตกลงนั้นๆ เป็นหลัก

อย่างไทยเรา จัดอยู่ในชั้น “ตีนเล็ก”
ฉะนั้น เจรจาต่อรองอะไรกับจีน กับสหรัฐฯ ไม่ต่าง “เต้นระบำบนเกือกเขา”

เขานำจังหวะ เราเพียงหมุนตาม
อย่าไปนึกว่า มีคำว่า “เพื่อนเก่า-ญาติสนิท” เป็นแต้มต่อ นั่นมันแค่กระดาษห่อทอฟฟี่ ที่อมเล่นหวานๆ

การพริ้ว, การวางน้ำหนัก, การจับจังหวะ และความแม่นยำ ที่ต้องเรียกว่า “พรสวรรค์” นั่นแหละ
ทำให้ไทยเราเป็นหนาม คือ “แหลมเอง” โดยไม่ต้องเสี้ยม ทำให้รอดมาได้ ตั้งแต่สุโขทัย ถึงรัตนโกสินทร์

ถ้าไม่แหลมจริง ตอน “กุบไลข่าน” เหยียบอาณาจักรน่านเจ้า “จีน-ยูนนาน” แหลกกระเจิง ไม่เหลือเราถึงวันนี้หรอก

“อาณาจักรสุโขทัย” เท่าขี้ตาแมว “กุบไลข่าน” กลับเว้นไว้นั่นไม่เพราะลีลาการเมืองระหว่างประเทศ ด้วย “บรรพบุรุษไทย” เป็นเลิศดอกหรือ?

นี่ก็จะพันปีอยู่แล้ว….
ทั้งภูมิภาค มีแต่ไทย “ประเทศเดียว” ที่ยืดอกร้องเพลงชาติได้ “เพลงชาติ” ของไทย บ่งบอกความเป็น “เอกราช” โดดเด่นในตัว

“เอกราช” นั้น รูปธรรมคือ “พระมหากษัตริย์”
เพราะชาติเรามีพระมหากษัตริย์เป็นแก่น-เป็นแกนชาติจึงทำให้รอดจากการ “ล่าอาณานิคม” มาทุกยุค-ทุกสมัย

ตั้งแต่สุโขทัย นับจาก “พ่อขุนบางกลางท่าว”
มาอยุธยา ในยุค “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” และในยุค “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
กระทั่งยุคกรุงธนบุรี “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ต่อด้วยยุครัตนโกสินทร์
“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”
และ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”เป็นต้น

อาจแย้งว่า….
แต่ละประเทศในอาเซียน ยุคก่อนๆ ก็มีพระมหากษัตริย์เหมือนกัน แล้วทำไมตกเป็นเมืองขึ้น ไม่ว่า พม่า ลาว ญวน เขมร มาเลย์ฯ อินโดฯ?

ตอบว่า “ไปตอบแทนคนในชาตินั้นๆ ไม่ได้” แต่กับชาติไทย ในฐานะผมเป็นเกิดในแผ่นดินไทย เป็นคนไทย
ผมตอบได้ ว่าเพราะเหตุใด ชาติไทยจึงรอด?

รอดเพราะ “พระมหากษัตริย์ไทย” ทรงมี “ทศพิธราชธรรม”
คือ พระจริยวัตร ๑๐ อย่าง
ทาน, ศีล, บริจาค, ความซื่อตรง, ความอ่อนโยน, ความเพียร, ความไม่โกรธ, ความไม่เบียดเบียน, ความอดทน และ “ความเที่ยงธรรม”

เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงมีทศพิธราชธรรม ความเป็นหลักชัยของชาติ หลักใจของประชาชน ก็เกิดเอง
ยังประโยชน์สุขให้สำเร็จแก่มวลพสกเหล่าอาณาประชาราษฎร์ ประเทศชาติร่มเย็นเป็นปึกแผ่น

ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ อาชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ
อกฺโกธํ อวิหึสญฺจ ขนฺติญฺจ อวิโรธนํ.
นั่น เท่ากับ “ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม”

ในเมื่อองค์พระประมุขชาติประพฤติธรรม
ด้วยอานิสงส์ธรรมนั้น ย่อม “ป้องภัย-ชัยบังเกิด” กับทั้งองค์พระมหากษัตริย์ กับทั้งชาติและประชาชน

ประเทศไทย จึงเป็นไท มาได้ตลอดไงล่ะ!

เนี่ย….
ก็บอกไว้นิด เผื่อทอนเขาจะได้เข้าใจ ว่าไม่ใช่ล้มเจ้าจึงเป็นไท-ถอยกลายเป็นทาส อย่างที่หลอกเด็กในรอบปี-สองปีมานี่หรอก!

สมมตินะ ถ้าตอนคณะราษฎร “ปฏิวัติล้มอำนาจเจ้า” ปี พ.ศ.๒๔๗๕ แล้วล้มระบบพระมหากษัตริย์ไปเลย
เปลี่ยนเป็นระบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีแทนกษัตริย์ละก็

ป่านนี้ ไทยเป็นประเทศใต้อำนาจ “ประธานาธิบดีหุ่นเชิด” ของชาติไหน-ต่อชาติไหน เรียกว่าเป็น “ประเทศหยำฉ่า” ของต่างชาติไปนานแล้ว!

ก็ลองคิดตามกันดู มีลูก-มีหลาน ไหว้เขาซะ แล้วขอโอกาสอธิบายให้เขาได้ค่อยๆ คิดตาม-ตรองตามดูบ้าง

เพราะไม่เรียน-ไม่ศึกษา-ไม่สอนประวัติศาสตร์ชาติตัวเองกัน ทุกวันนี้ ที่สุขสบาย ร่มเย็น มีศักดิ์-มีศรี ในความเป็นชาติ ก็หลงเข้าใจว่า เพราะตัวเองเก่งบ้าง พ่อ-แม่ข้ารวยบ้าง

มองไม่เห็น ว่า…..
ที่ร่ม-ที่เย็น-ที่เป็นสุข-ที่เปล่งศักดิ์ศรี นั้น เพราะ “พระมหากษัตริย์” ด้วยพระบารมี เป็น “หลังคาบ้าน” คุ้มแดด-คุ้มฝน-กันพายุ ป้องหนาว ป้อนกระไออุ่นให้มาโดยตลอด

เพราะเด็กวันนี้ ไม่มีภูมิคุ้มกันทางสำนึก
จึงถูกไวรัส โคทอน, โคบูด, โคช่อ ระบาดใส่จนใบ้บ้า ลามไปหมด ไม่เว้นกระทั่งในคนห่มเหลือง ครูบาอาจารย์

“วิปริต-วิปลาส” พากันพยายามรื้อ “หลังคาบ้าน” ทิ้ง บอกอยากโปร่งแสง จะเอาไอ้แม้ว ไอ้ตี๋ เป็นประธานาธิบดีกระล่อนโลกแทน

จะบอกว่าบ้า ก็ยังเกินบ้า อวดอ้างเป็น “คนรุ่นใหม่” จะมานำชาติ แต่มันใหม่ ไม่ต่าง “ไม้ไผ่”

กอใหญ่ ลำใหญ่ โตเร็ว แต่พอผ่า ปรากฏว่า “กลวงโบ๋” มีค่าแค่เอาไปทุบทำฟากหรือไม้จิ้มฟัน


ใหม่ “ไม่มีไส้-ไม่มีแก่น” แบบนี้ จะเอามาใช้ “ค้ำยันบ้านเมือง” ได้อย่างไร?
ไม่ใช่แค่มีมือถือ แช็ตเป็น ทวิตเป็น เล่นโซเชียลได้ ก็บอกว่า “รุ่นใหม่ทันสมัย”

นั่นมัน “ใหม่ทาสไอที” ก็ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นทาสนะ ทั้งที่ถูก “ไอที” มันหลอกใช้
มันตามสอดแนม ตามเก็บพฤติกรรม-ความลับ-ความแจ้งของตัวเองทุกอย่างไปขาย

กระทั่งย้อนกลับเอามาขายตัวเองด้วยซ้ำ ก็ยังไม่รู้ตัว รุ่นใหม่วันนี้ ส่วนใหญ่จะผยองในความกลวงแบบนี้

ดูอย่างเพนกวิน รุ้ง เป็นต้น เรียนจุฬา เรียนธรรมศาสตร์ หลายคนจบแล้วก็มี แต่สิ่งที่สมองรุ่นใหม่กลั่นออกมา
คนบ้าห้าร้อยจำพวกยังออกปาก…
“พวกกูอายมึง”!

ความจริง วันนี้ ไม่ได้ตั้งใจคุยเรื่องเหล่านี้เลย บังเอิญ เห็นแว๊บๆ ว่าอะไรมันจะเกิดในอนาคตอันใกล้กับสังคมโลก
มือเลย “ลั่นไปเอง”!

พูดถึงมือลั่น ระวังเหอะ พวกที่ลั่นบ่อยๆด้วยสันดานนั่นน่ะ มันจะลั่นตัดพวงสวรรค์พรรคตัวเองกระจุยซ้ำสอง

เอาไว้พรุ่งนี้ค่อย “หาเรื่อง” คุยใหม่ดีกว่า
ส่วนวันนี้ อ่านได้-ก็อ่าน ไม่ได้ก็ อย่าไปเสียเวลาอ่าน!



Written By
More from plew
“สัปปายประชาสถาน”
อย่าโหน……. อย่านำเรื่องผู้ป่วยคนหนึ่งในภาวะ “โควิด-๑๙” ระบาด “เสียชีวิต”……… เพราะปอดและอวัยวะภายใน “ทำงานหนักเกิน” ไปโหมประโคม เติมสีสัน สร้างตระหนกทางข่าวสารเป็นอันขาด
Read More
0 replies on “โทษที…มือมันลั่นไปเอง!”