วันนี้ (28 ตุลาคม 2562) เวลา 09.00 น. น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงผลการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา และเปิดตัวโครงการ “Everday Say No to Plastic Bags” โดยมี นายนพดล พลเสน ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีฯ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ และสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการดำเนินงานฯ ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลากว่า 3 เดือน ซึ่งได้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ยึดหลักการทำงานตามกฎหมาย และน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานของกระทรวงฯ เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือน (สิงหาคม – ตุลาคม 2562) ที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายการดำเนินงานใหม่และพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานจากนโยบายที่มีอยู่เดิม ทั้ง 4 ด้าน ดังนี้
ด้านอำนวยการ ได้จัดตั้งวิทยาลัยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาบุคลากร ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงฯ โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ระดับล่าง (ผู้พิทักษ์ป่า) รวมทั้งให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ นำเทคโนโลยี มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาการจัดทำข้อมูล/ระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญเร่งด่วนกับความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้ผู้บริหารลงพื้นที่ชี้แจงและแก้ไขข้อเรียกร้องของกลุ่มมวลชนที่ได้รับผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์การรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน สังกัดกระทรวงฯ
ด้านทรัพยากรธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใต้โครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิม พระเกียรติฯ ซึ่งบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านต้น ตั้งแต่ตุลาคม 2562 โดยขยายเป้าหมายโครงการเป็น 100 ล้านต้น ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคนอยู่กับป่า โดยจัดตั้งป่าชุมชน จำนวน 2,291 หมู่บ้าน และเร่งรัดการจัดหาที่ดินภายใต้โครงการ คทช. เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและรักษาทรัพยากรและพื้นที่ป่าไม้โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเร่งรัดดำเนินโครงการพัฒนาเส้นทางเดินศึกษาตามธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เฉลิมพระเกียรติฯ พัฒนาระบบบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติสู่สากล และผลักดันให้มีการนำเสนออุทยานแห่งชาติเป็นอุทยานมรดกอาเซียน
แห่งใหม่ของประเทศไทย 2 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้าล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง และ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี แก้ปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ แต่งตั้งคณะทำงานด้านการส่งออกช้างและติดตามความเป็นอยู่ของช้างที่ส่งออกไปต่างประเทศ และแต่งตั้งคณะทำงานด้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย จัดประชุมผู้ประกอบการกิจการสวนสัตว์สาธารณะ พัฒนาและขยายสวนพฤกษศาสตร์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์พืชที่สำคัญของประเทศ จัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ ภายใต้แผนแม่บทมาเรียมโปรเจค เสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ กำหนด วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น “วันป่าชายเลนแห่งชาติ” เร่งรัดการบริหารจัดการขยะทะเล ปรับบทบาทและโครงสร้างการบริหารงานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจาก Operator เป็น Regulator การอนุรักษ์และจัดการแหล่งทรัพยากรธรณี เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา เร่งรัดการจัดทำแผนที่แสดงแหล่งแร่เศรษฐกิจเพื่อการบริหารจัดการแร่และการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
ด้านทรัพยากรน้ำ เร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาน้ำบาดาล สนับสนุนน้ำดื่มสะอาดสำหรับสถานศึกษาและชุมชนในถิ่นทุรกันดารเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 อนุมัติการประสานความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มน้ำด้านทุนและระบบการกระจายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้และสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องในการเติมน้ำลงใต้ดิน เร่งรัดการจัดทำแผนที่ศักยภาพ น้ำบาดาล รวมไปถึงปรับบทบาทกรมทรัพยากรน้ำ จาก Regulator เป็น Operator และร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในการนำ Solar cell มาใช้
ด้านสิ่งแวดล้อม ได้มีการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ค.ศ. 2019 (United Nation Climate Action Summit 2019) และเข้าร่วมการประชุมสมัชชาระดับสูง 11th Level Assembly ของความร่วมมือ Climate and Clean Air Coalition (CCAC) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2562 ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”และเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 15 มีการเตรียมการรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือปี 2562 รวมไปถึงขับเคลื่อนการลดใช้ถุงพลาสติก ภายใต้โครงการ “ทำดีด้วยหัวใจ ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ 43 แห่งทั่วประเทศจะงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งให้กับลูกค้า